อัพเดทล่าสุด 22/02/2022 โดย Wit Sudjaiampun

ความสะอาดของเพชร IF VVS VS SI คือะไร? วิธีการเลือกซื้อ

ส่องเพชร

แชร์บทความนี้

ความสะอาดของเพชร หรือ Clarity ที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ เช่น IF VVS VS SI เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะระบุถึงความสวยงามของเพชร

โดยทั่วไป เพชรจะได้รับการจำแนกและประเมินราคาด้วยหลัก 4C of Diamonds ซึ่งก็คือ Color, Carat, Cut และ Clarity โดย Clarity หรือ ความสะอาดของเพชร มักเป็นสิ่งที่คนให้ความสำคัญน้อยที่สุด เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในขณะที่ Color, Carat, และ Cut นั้นสามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดาย

หลายคนที่เคยซื้อเพชรด้วยวงเงินจำกัด ยินดีที่จะซื้อเพชร Clarity ต่ำกว่า เพื่อแลกกับน้ำหนัก Carat ที่มากกว่า ด้วยเหตุผลที่ว่า ตำหนิเพชรนั้นมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ว่าเพชรใหญ่กว่ามองเห็นได้อย่างชัดเจน

แต่ถ้าคุณลองถามผู้เชี่ยวชาญ เขาจะบอกคุณว่า Clarity เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ข้ออื่นๆใน 4C เพราะจริงๆแล้ว Clarity เป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่จะสามารถกำหนดมูลค่าของเพชรในระยะยาว

ถ้าคุณกำลังจะซื้อเพชรในเร็วๆนี้ ผมขอแนะนำให้คุณอ่านบทความนี้ต่อไป เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกซื้อเพชรของคุณอย่างแน่นอนครับ

ความสะอาดของเพชร (Clarity) คืออะไร?

เพชรที่กำเนิดโดยธรรมชาตินั้น เริ่มต้นมาจากการก่อตัวภายในชั้น Mantle ของโลก โดยจะอยู่ลึกจากพื้นผิวประมาณ 120 ถึง 200 กม. และจะเผชิญกับความร้อนมากถึง 1200°C เป็นเวลากว่า 1 ถึง 3 พันล้านปี กว่าจะถือกำเนิดออกมาเป็นเพชรโดยสมบูรณ์ ซึ่งภายในนั้น จะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเป็นเพชรไร้ตำหนิแบบ Perfect เพราะส่วนมากเพชรจะมีตำหนิเกิดขึ้นมาด้วย ซึ่งจะทำให้ความสะอาดของเพชรลดลง

ความสะอาดของเพชร หรือ Clarity เป็นมาตรวัดเชิงคุณภาพ ซึ่งจะใช้วัดรูปลักษณ์ภายนอกของเพชรแต่ละเม็ด ยิ่งเพชรมีสิ่งเจือปน (Inclusions) หรือตำหนิ (Blemishes) น้อยเท่าไร ก็จะทำให้มี Clarity ที่ดีกว่า

จริงอยู่ที่ Clarity จะสามารถส่งผลต่อราคาเพชรได้อย่างมหาศาล แต่เมื่อมองด้วยตาเปล่าก็ยากที่จะเห็นตำหนิเพชรอยู่ดี

ความเห็นส่วนตัว: Clarity เป็นเรื่องของคุณค่าทางจิตใจของผู้ซื้อเสียมากกว่า เพราะจะมีเพียงผู้สวมใส่เท่านั้น ที่จะสามารถทราบรายละเอียดเพชรทั้งหมดของตัวเองจากการดูใบเซอร์ที่มีอยู่

Clarity Diamond

วิธีการเรียง Clarity ตามหลักสากลที่ใบเซอร์ GIA ใช้ มีดังนี้ (จากดีที่สุดไปแย่ที่สุด):

  • Flawless (FL)
  • Internally Flawless (IF)
  • Very Very Slightly Included 1 (VVS1)
  • Very Very Slightly Included 2 (VVS2)
  • Very Slightly Included 1 (VS1)
  • Very Slightly Included 2 (VS2)
  • Slightly Included 1 (SI1)
  • Slightly Included 2 (SI2)
  • Included 1 (I1)
  • Included 2 (I2)
  • Included 3 (I3)

ข้อสังเกต: ในทุกระดับความสะอาดของเพชร ถ้ามีเลข 1 จะดีกว่าเลข 2 เสมอ ซึ่งหมายถึงราคาที่สูงกว่าด้วย

อ่านเพิ่มเติม: เพชรเบลเยียม คือ อะไร? ทำไมดีกว่า เพชรอินเดีย เพชรรัสเซีย?

เกณฑ์การวัดความสะอาดของเพชร

คีบเพชรเพื่อศึกษาความสะอาดของเพชร

Internally Flawless (IF)

เป็นเพชรที่สะอาดที่สุดแบบไร้ตำหนิ ถึงขั้นที่ใช้กล้องขยายส่องแล้วส่องอีก มองยังไงก็ไม่เห็นตำหนิ ส่วนเรื่องความหายากคงไม่ต้องพูดถึง เพราะทั้งโลกจะมีเพชรเพียง 0.5% เท่านั้นที่จะอยู่ในระดับ​ IF Clarity

จึงเป็นเรื่องปกติ ที่เพชรเหล่านี้จะมีค่า Premium สูงที่สุด เหมาะกับผู้ที่เป็น Purist หรือ Perfectionist ที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด

ในปัจจุบันเพชรระดับ IF ถือว่าเป็นระดับสูงที่สุดที่คนให้การยอมรับ ผู้ที่สะสมเพชรเกรดนี้ส่วนใหญ่จะเป็น Diamond Enthusiast ตัวจริง เพราะเพชรแบบนี้มีราคาสูงแบบก้าวกระโดดพอสมควร เมื่อเทียบกับเพชรระดับ VVS/VS ซึ่งถ้าคุณมีงบประมาณไม่จำกัด และต้องการสิ่งที่ดีที่สุดก็ถือว่าเหมาะสมครับ

Very Very Slightly Included 1 – 2 (VVS1 – VVS2)

เพชรที่มีตำหนิขนาดเล็กมากๆ และยากที่จะมองเห็นแม้ว่าจะใช้กล้องส่องเพชร (หรือที่บางคนนิยมเรียกว่า กล้องส่องพระ) แบบกำลังขยาย 10 เท่า ซึ่งแม้แต่ผู้ชำนาญยังต้องใช้เวลาเพื่อจะหาตำหนิ

ในการส่องหาตำหนิเพชร นักอัญมณีมักจะใช้ Microscope แบบมืออาชีพในการหาตำหนิ VVS เพราะมักจะฝังอยู่ในเพชร เป็นเหมือนอณูหรือฝุ่นเล็กๆ ซึ่งการที่เพชรมีตำหนิ VVS1 หลายๆจุดรวมกัน ผู้เชี่ยวชาญก็อาจจะวิเคราะห์ให้เป็น VVS2 ได้

ถ้าคุณต้องการซื้อเพชรขนาดยอดนิยม เช่น เพชร 1 กะรัตราคามาตรฐาน ด้วยวงเงินที่ Flexible ในระดับหนึ่ง ผมแนะนำให้คุณลองมองหาเพชร VVS ดู เพราะถือเป็น Clarity ที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ยอมรับว่าดีมากแล้วครับ

Very Slightly Included 1 – 2 (VS1 – VS2)

เพชรที่มีตำหนิเล็กมาก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญอาจจะมองเห็นได้ด้วยกล้อง 10 เท่า โดยยังต้องใช้เวลาหลายวินาทีในการระบุตำแหน่ง แต่ก็ยังง่ายกว่า VVS ในขณะที่ผู้ซื้อทั่วไปมักมองไม่เห็นอยู่ดี

เพชรเกรด VS ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีราคาที่ย่อมเยากว่าเพชร VVS แต่ยังมีคุณภาพดีกว่า SI ที่อาจจะมองเห็นตำหนิได้ด้วยตาเปล่าในบางกรณี

เคล็ดลับ: หากคุณกำลังคิดจะซื้อเพชรด้วยวงเงินจำกัด เพชร VS1 นั้นเป็นตัวเลือกที่ผมแนะนำ เพราะคุณจะสามารถนำงบส่วนที่เหลือไปทุ่มให้กับ Color หรือ Cut ที่ดีขึ้นได้

อ่านเพิ่มเติม: เพชรน้ำ 100% / D Color น่าซื้อไหม?

Slightly Included 1 – 2 (SI1 – SI2)

เพชรที่มีตำหนิจนสามารถเห็นได้อย่างง่ายดายด้วยกล้องขยาย 10 เท่า ในบางกรณีอาจจะเห็นได้ด้วยตาเปล่าทันที ถ้าเป็นเพชรเม็ดใหญ่หน่อย และมีตำหนิขึ้นอยู่บนหน้าพอดี

เทคนิคในการซื้อเพชร SI ที่ผมแนะนำ คือ ถ้าเป็นเพชร Fancy บางรูปทรงเช่น Emerald Cut หรือ Asscher Cut ตำหนิเพชรก็ยังมองหายากอยู่ดี เพราะฉะนั้นถ้าคุณต้องการซื้อเพชรรูปทรงเหล่านี้ด้วยงบจำกัด ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

เคล็ดลับ: หากคุณมีงบประมาณสูงในระดับหนึ่ง แนะนำให้หลีกเลี่ยงเพชร SI แล้วไปเล่นเพชร VS+ แทน เพราะมีโอกาสสูงที่คุณจะมองเห็นตำหนิบนเพชรได้ด้วยตาเปล่า

ซึ่งถ้าคุณเคยเดินดูร้านเพชรในห้างที่ขายแหวนเพชรแต่งงานราคา 10,000 – 30,000 คุณก็อาจจะ Jackpot เจอเพชร SI แบบตำหนิขึ้นหน้าอยู่ในแหวนที่คุณกำลังจะซื้อ แต่เพชรที่ฝังลงในตัวเรือนแหวนแล้วจะยากต่อการมองหาตำหนิ เพราะฉะนั้นถ้าคุณกำลังตัดสินใจว่าจะ ซื้อแหวนเพชรที่ไหนดี ผมขอแนะนำให้คุณลองพิจารณาดูก่อนว่าราคานั้นสมเหตุสมผลหรือไม่

Included 1 – 2 – 3 (I1 – I2 – I3)

เพชรที่ใครๆก็สามารถเห็นตำหนิได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า ส่วนมากจะมีตำหนิขนาดใหญ่จนส่งผลต่อประกายและความงามของเพชร สำหรับเพชรแบบนี้ผมขอแนะนำให้คุณหลีกเลี่ยงหากไม่จำเป็นจริงๆ เพราะมีโอกาสสูงที่จะเจอตำหนิตาจำนวนมาก

ตำหนิเพชร ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

กล่องส่องเพชร Nikon

ถ้าคุณนำเพชร VVS2 ไปให้ผู้เชี่ยวชาญดู เขาอาจจะต้องใช้เวลาหลายนาทีด้วยกล้อง 10 เท่า ในการค้นหาตำแหน่งของตำหนิซึ่งเรียกได้ว่าเป็น Very Very Slightly Included

ในกรณีของเพชร VS1 อาจจะใช้เวลาน้อยกว่า VVS2 นิดเดียว ในขณะที่สำหรับเพชร VS2 ผู้เชี่ยวชาญมักจะเห็นได้อย่างง่ายดายด้วยกล้อง 10 เท่า แต่สำหรับคนทั่วไปคงจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเป็นแน่แท้

แต่เมื่อพูดถึงเพชร VS2 SI1 และ SI2 แล้วละก็ สิ่งที่คุณจะพบเจอบ่อยๆ คือ เพชรที่มีตำหนิขึ้นมาอย่างชัดเจนจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า (ในวงการเรียกว่า Eye Visible Inclusion) ซึ่งถ้าคุณติดต่อให้เราช่วยดูให้ฟรี เราก็ยินดีที่จะหาเพชร SI ที่มองไม่เห็นตำหนิด้วยตาเปล่า (Eye Clean) ให้คุณได้ไม่ยาก

เพิ่มเติม: ถ้าคุณกำลังมองหากล้องส่องเพชร เพื่อส่องหาตำหนิในเพชรของคุณ แนะนำให้เลือกใช้กล้องยี่ห้อดังที่มีคุณภาพเลนส์ได้มาตรฐาน เช่นรุ่นนี้ คลิก → Nikon XP 10X Loupe

การเลือกซื้อเพชร ก็เหมือนกับการซื้อเค้กซักก้อน

เพรชกับเค้ก

คุณเองก็คงจะชอบรับประทานเค้กเหมือนกับผม เพราะฉะนั้นผมขอยกตัวอย่างมาใช้ในการเปรียบเปรย เพื่อให้คุณเห็นภาพได้ง่ายขึ้นครับ

ถ้าคุณมีงบมากหน่อยก็สามารถซื้อเค้กก้อนใหญ่ แต่ถ้ามีงบจำกัดก็อาจจะซื้อเค้กชิ้นเล็กหน่อย เมื่อคุณแบ่งเค้กให้เป็นส่วนๆ ก็เหมือนกับลักษณะเพชร 4C: Color, Carat, Cut และ Clarity ที่ประกอบรวมกับเป็นเค้กหนึ่งก้อน ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณทุ่มงบไปกับส่วนใดส่วนหนึ่งเช่น Clarity สูงๆ ก็จะต้องแลกมากับส่วนอื่นที่คุณภาพอาจจะต่ำลงมา เช่น Color ที่ลดลง หรือ Cut ที่ไม่ใช่ 3EX

ในกรณีที่คุณมีงบจำกัด ผมขอแนะนำให้คุณแบ่งเค้กในสัดส่วนที่เหมาะสม หมายถึงการไม่ทุ่มเงินไปกับส่วนใดส่วนหนึ่งของ 4C แต่แบ่งโดยการให้ความสำคัญกับทุกๆส่วนในระดับที่ดีพอ เพื่อให้คุณได้เพชรที่มีขนาดเหมาะสม น้ำดี เจียระไนงาม และตำหนิน้อยนั่นเอง

ตำหนิเพชร อยู่ตำแหน่งไม่เหมือนกัน

เมื่อคุณได้อ่านตัวอย่างเรื่องเค้กที่ผมเปรียบเทียบแล้ว อาจจะทำให้การซื้อเพชรนั้นดูง่ายดาย แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่คุณต้องเข้าใจคือตำหนิเพชรมีหลากหลายแบบมาก

ตำหนิเพชรนั้นสามารถมาในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น: เศษแตกแบบสว่าง กลุ่มเมฆแบบใส ขีดสีขาว จุดสีดำ ฯลฯ ถ้าตำหนิดีหน่อยก็อาจจะอยู่ตรงขอบเพชร เวลาฝังลงตัวเรือนแล้วมองไม่เห็น จึงเป็นอีกประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา

สรุป: ให้ความสำคัญกับส่วนไหน ให้ทุ่มงบไปกับส่วนนั้น

หลายคำถามที่ผมได้ยินบ่อยๆ คือ สรุปแล้วเราควรให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากันใน 4C ระหว่าง Color, Carat, Cut หรือ Clarity?

คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับคุณครับ

เช่นเดียวกับการเลือกซื้อเสื้อผ้าสักชุด ที่บางคนให้ความสำคัญกับสีผ้า (Color) บางคนให้ความสำคัญกับความหนาของเนื้อผ้า (Carat) บางคนให้ความสำคัญกับคัตติ้ง (Cut) บางคนให้ความสำคัญกับตำหนิ (Clarity) เมื่อเปรียบเทียบอย่างนี้แล้วอาจทำให้คุณเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

สำหรับการซื้อเพชร ผมจะแนะนำใหัคุณไว้พิจารณาตามแนวทางคร่าวๆ ดังนี้:

  • ถ้าคุณให้ความสำคัญกับ Color แนะนำให้คุณมองหา Color D – F / Clarity VVS – VS
  • ถ้าคุณให้ความสำคัญกับ Carat แนะนำให้คุณมองหา Color G – J / Clarity VVS – VS

โดยที่คุณควรสังเกตเรื่อง Cut ให้ดี ว่าอย่างน้อยต้องเป็น Very Good (ในกรณีที่มีงบจำกัด) แต่ถ้าจะให้เลิศ ควรซื้อเพชร 3 Excellent ไปเลยจะดีที่สุดครับ

ขอให้คุณมีความสุขกับการซื้อเพชร

แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ

อ่านต่อตอนที่ 2: Clarity Characteristics: เจาะลึกใบเซอร์ จุดที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้

อโบฟยินดีให้บริการคุณเสมอ

พูดคุยกับนักอัญมณีอโบฟไดมอนด์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน กรุณาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก