อัพเดทล่าสุด 14/01/2022 โดย Wit Sudjaiampun

เพชร 3 Excellent Cut (3EX) คืออะไร? เคล็ดลับวิธีเลือกซื้อ

แหวนเพชร

แชร์บทความนี้

คุณคงจะทราบดีอยู่แล้ว ว่าเหลี่ยมเพชรจะเป็นสิ่งที่กำหนดความสวยงาม และประกายของเพชร ซึ่งหมายถึงมูลค่าที่เหนือกว่า

เหลี่ยมเพชร ที่ดีจะทำให้เพชรของคุณเล่นไฟได้ดีกว่า และในเมื่อคุณจะซื้อเพชรทั้งที คุณก็ควรจะได้ใส่เพชรเม็ดที่มีประกายงดงามที่สุด จริงไหม?

เหลี่ยมเพชร คืออะไร?

เหลี่ยมเพชร หมายถึง ความสมมาตรของการเจียระไนเพชร

โดยทั่วไป ข้อสังเกตที่เรามักจะพิจารณาในเบื้องต้น คือ เปอร์เซ็นของความลึกเพชร (Depth) และองศาของมุมต่างๆภายในเพชร (Angle)

ถึงแม้ว่าข้อสังเกตเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่ยากเกินความเข้าใจของคนทั่วไป ที่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่จะกำหนดความสวยงามของเพชรที่คุณซื้อ

ปัจจัยหลักที่ใช้ในการกำหนดมูลค่าเพชร

  • สัดส่วน (Proportions: table, width and depth)
  • ความสมมาตร (Symmetry)
  • ประกาย (Brilliance)
  • ไฟ (Fire)
  • ความแวววาว (Scintillation)
  • ความเกลี้ยงเกลา (Finishing/Polish)

เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้ คุณคงจะเริ่มสับสนในรายละเอียดทั้งหมดที่เรากล่าวมาในเบื้องต้น เพื่อให้คุณเข้าใจได้ง่ายขึ้น เราจะขออนุญาตอธิบายเพียงปัจจัยในข้อแรก ซึ่งก็คือ Proportions: Table, Width and Depth เพราะเป็นข้อหลัก ที่วงการเพชรทั้งโลกยอมรับ และให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก

การวัด เหลี่ยมเพชร (Diamond Cut)

หน้าเพชร (Diamond Table)

หน้าเพชร วัดได้โดยการหารความกว้างของหน้าเพชร (พื้นที่บนหน้าเพชร) ด้วยความยาวศูนย์กลางของเพชร (วัดจากซ้ายสุดไปขวาสุด)

ยกตัวอย่าง: ถ้าหน้าเพชรมีความกว้าง 3.5 มม. และเพชรมีความยาวศูนย์กลาง 6 มม. แปลว่า Diamond Table % จะอยู่ที่ 58%

ถ้าหน้าเพชรมีความใหญ่เกินไป แสงไฟจะไม่สามารถวิ่งออกมาจากมุมด้านข้างของเพชร และจะทำให้การสะท้อนแสงน้อยกว่า เพราะแสงจะหลุดรอดออกไปบนหน้าเพชรหมด

ถ้าหน้าเพชรมีความเล็กเกินไป แสงไฟจะถูกกักขังอยู่ด้านในเพชร และไม่ออกมาจากหน้าเพชร ทำให้เพชรเม็ดนั้นดูมืดหมอง

เปอร์เซ็นหน้าเพชรที่ดี จะมีค่าแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับรูปทรงของเพชร (Diamond Shape) แต่โดยทั่วไป หากเป็นเพชรกลม (Round Brilliant Cut) เราแนะนำว่า Diamond Table ที่เพชรจะมีหน้ากว้างอย่างเหมาะสม และเล่นไฟดีที่สุดจะอยู่ที่ระหว่าง 54% – 60% (จำเป็นต้องดู Proportions อื่นควบคู่กันไปด้วย)

ความกว้าง (Diamond Width)

ความกว้างของเพชร สามาถวัดได้จากขอบเพชร (Girdle) ด้านหนึ่งไปยังสุดขอบอีกด้านหนึ่ง

สัดส่วนนี้จะมีความสำคัญในการพิจารณาเพชรรูปทรงต่างๆ ว่ามีความสมส่วนดีหรือไม่ และจะมีค่าที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะเฉพาะของเพชรเม็ดนั้น

ความลึก (Diamond Depth)

ความลึก หมายถึงความสูงของเพชร วัดจากปลายแหลมด้านล่างสุด (Cutlet) ไปจนถึงหน้าเพชรด้านบน (Table) ซึ่งจะวัดเป็น มม. และเปอร์เซ็น

การหาเปอร์เซ็น สามารถทำได้โดยการหารความลึกด้วยความกว้าง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเพชรมีความลึก 4 มม. และมีความกว้าง 4.5 มม. หมายความว่า Depth Percentage จะอยู่ที่ 88.8%

โดยทั่วไป ถ้าเพชรสองเม็ดมีน้ำหนักกะรัตเท่ากัน เพชรที่มีความลึกน้อยกว่าจะดูใหญ่กว่า เพราะมีความกว้างมากกว่า ในทางตรงกันข้าม หากเพชรมีความลึกกว่า จะทำให้เพชรดูมืดหมองเพราะไม่สามารถสะท้อนแสงได้ดีพอ

อ่านเพิ่มเติม: วิธีการดูเพชรด้วยหลัก 4C’s of Diamonds

เหลี่ยมเพชร (Diamond Cut) กับ รูปทรงเพชร (Diamond Shape) มีความแตกต่างกันอย่างไร?

ตามหลักแล้ว เหลี่ยมเพชร กับ รูปทรงเพชร มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

รูปทรงเพชร หมายถึง รูปร่างของเพชร เช่น เพชรกลม (Round Brilliant Cut) เพชรสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Emerald Cut) เพชรสี่เหลี่ยมจตุรัส (Princess Cut) เพชรรูปหัวใจ (Heart Shaped) เพชรทรงวงรี (Oval Shaped) ฯลฯ

ซึ่งเพชรรูปทรงอื่นๆที่ไม่ใช่เพชรกลม มักจะเรียกว่า เพชรทรงแฟนซี (Fancy Shaped Diamond)

เหลี่ยมเพชร หมายถึง เหลี่ยมมุม การเจียระไน ความสมมาตร มิติ และการสะท้อนแสงของเพชร ยกตัวอย่าง เพชรรูปหัวใจ อาจจะมี Cut ที่ตื้นหรือลึก หมองหรือสว่าง ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นเพชรรูปหัวใจ แต่อาจจะมีเหลี่ยมเพชรที่แตกต่างกันไปในแต่ละเม็ด

สรุปได้ว่า ถ้าเพชรมีเหลี่ยมสวย เช่น เพชรเบลเยียม ก็จะทำให้มีประกายและไฟสวยงามกว่านั่นเอง

อัตราส่วนของ เหลี่ยมเพชร (Diamond Cut Proportions)

อัตราส่วน จะเป็นตัวกำหนดความสามารถในการเล่นไฟของเพชร ซึ่งจะวัดโดยการพิจารณาความกว้างยาว รวมไปถึงองศาต่างๆที่ประกอบรวมกัน เพื่อดูว่าเพชรเม็ดนั้นมีความงดงามมากแค่ไหน

เหลี่ยมเพชรแบบต่างๆ

ถ้าเพชรตื้นเกินไป (Too Shallow) จะเกิดอะไรขึ้น?

ถ้าเพชรตื้น เวลาส่องไฟลงไปบนหน้าเพชร ไฟจะมีพื้นที่ในการเดินทางน้อย และผ่านลงไปด้านล่างเพชรหมด แทนที่จะสะท้อนกลับเข้ามาให้คุณเห็น

ถึงแม้ว่าเพชรตื้น อาจจะดูแล้วมีขนาดใหญ่กว่าเพชรในกะรัตเดียวกัน แต่การที่แสงไฟเล็ดลอดออกไปจากด้านล่าง จะทำให้เพชรดูไม่มีประกาย

ถ้าเพชรลึกเกินไป (Too Deep) จะเกิดอะไรขึ้น?

ถ้าเพชรลึก แสงไฟที่ส่องลงไปบนหน้าเพชร จะมีพื้นที่ในการเดินทางมากเกินไป ทำให้การหักเหของแสงวิ่งไปหาอีกมุมหนึ่งเร็วเกินไปจากความแคบของด้านล่างเพชร ทำให้เพชรเม็ดนั้นดูหมองและไม่เล่นไฟ

และที่สำคัญ เพชรที่ลึกเกินไปจะดูเล็กกว่าเพชรในขนาดกะรัตเดียวกัน เพราะมีหน้าเพชรที่แคบกว่านั่นเอง

อัตราส่วนแบบไหน ดีที่สุด

ถ้าจะให้อธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุด เพชรที่มีอัตราส่วนเหมาะสมจะทำให้ไฟสามารถวิ่งไปกระทบด้านในเพชรได้อย่างลงตัว และแทนที่ไฟจะวิ่งออกไปจากด้านล่าง ก็จะวิ่งออกขึ้นมาบนหน้า ทำให้เพชรดูมีประกายและเล่นไฟได้ดี

ในภาษาของ GIA เรามักจะคุ้นหูกันดีกับคำว่า Excellent, Triple Excellent, 3 EX, 3 X ฯลฯ ซึ่งถ้าให้แปลตรงตัว ก็คือเพชรเหล่านี้มีอัตราส่วนที่เหมาะสมในแบบที่การันตีโดยใบเซอร์ GIA นั่นเอง

และด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงทำให้เพชรที่เป็น Excellent Cut มีความสว่างไสว และมีมูลค่ามากกว่า เราจึงแนะนำลูกค้าเสมอ ว่าถ้าคุณมีงบประมาณจำกัด เราสนับสนุนให้คุณเลือกเพชรที่มี Cutting ดีกว่า ถึงแม้จะมีขนาดเล็กกว่าก็ตาม เพราะจะมีมูลค่าในระยะยาวที่เหนือกว่า

หากคุณไม่แน่ใจว่าคุณควรเลือกเพชร Cutting แบบไหน สามารถติดต่อเราเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมได้ทันที

วิธีดู Cutting ของเพชร GIA

ขายเพชร gia ใบเซอร์

GIA (Gemological Institute of America) คือ สถาบันชั้นนำของโลก ที่ได้รับความน่าเชื่อถือมากที่สุดในวงการเพชร

GIA นั้นได้รับการก่อตั้งเป็นองค์กรอิสระ ที่ไม่แสวงหาผลกำไร จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในการซื้อขายเพชร เมื่อคุณซื้อเพชรจึงควรมองหาใบเซอร์ GIA เพื่อพิจารณาคุณภาพของเหลี่ยมเพชร

ต่อไปเราจะอธิบายให้คุณเข้าใจ เกี่ยวกับคำศัพท์ที่ GIA ใช้ในการระบุคุณภาพเหลี่ยมเพชร ทั้งนี้เราแนะนำให้คุณอ่านเพื่อให้ทราบพอเป็นความรู้ เพราะในความเป็นจริงอาจจะไม่ได้ตรงตามนี้เสมอไป

  • Excellent (EX)

เพชรที่มีประกายไฟดีที่สุด เพราะแสงที่เข้ามาทั้งหมดจะถูกสะท้อนกลับออกไปทางหน้าเพชร จึงช่วยทำให้เพชรดูมีชีวิตชีวา

  • Very Good (VG)

เพชรที่มีประกายไฟดีมาก เพราะแสงส่วนใหญ่จะสามารถเข้ามาในเพชรได้ เมื่อดูด้วยตาเปล่าจะมีความคล้ายคลึงไม่ต่างไปจากเพชร Excellent

  • Good (G)

เพชรที่มีประกายไฟดี ในระดับเพียงพอที่ทำให้เพชรดูแวววาว ในขณะที่มีราคาเอื้อมถึงได้ง่ายกว่า

  • Fair (F)

เพชรที่มีประกายไฟพอใช้ได้ แสงจะสามารถเล็ดลอดออกไปทางด้านล่างและด้านข้างเพชรได้อย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับซื้อในเพชรน้ำหนักกะรัตน้อยๆ และมักจะใช้เป็นเพชรเม็ดเล็กๆเพื่อประดับตัวเรือน

  • Poor (P)

เพชรที่มีประกายไฟแย่ คือ แทบจะไม่มีความแวววาว แสงไฟทั้งหมดที่ส่องลงไปบนเพชร จะเล็ดลอดออกไปหมด ทำให้เพชรดูไม่สวย

ในความเป็นจริงแล้ว เพชรกลมจำนวนกว่า 55% บนโลกนี้ที่รับรองโดย GIA จะได้รับเกรด Excellent ซึ่งไม่ได้แปลว่าเพชรเหล่านั้นจะสวยทุกเม็ด

ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนกับเด็กนักเรียนสองคน ที่คนหนึ่งสอบได้คะแนน 100 แต่อีกคนหนึ่งสอบได้คะแนน 80 เมื่อคุณครูคำนวนคะแนนแล้ว ทั้งสองคนได้เกรด 4.00 เหมือนกัน แน่นอนว่านักเรียนที่สอบได้ 100 เต็มควรจะเรียนเก่งกว่า จริงไหม?

เมื่อพูดถึงการให้คะแนนเพชร หมายความว่า จริงๆแล้วในจำนวนเพชร 25-30 เม็ด จาก 100 เม็ด ที่บนใบเซอร์ระบุไว้ว่า Excellent อาจจะไม่สมกับคุณภาพที่ควรจะเป็นทุกเม็ด เราจึงไม่คัดสรรเพชรเหล่านั้น ที่มีคุณภาพด้อยกว่าให้ลูกค้าเราเป็นอันขาด เพราะเราต้องการให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด

เพชร 3 EX คืออะไร?

เพชร 3 EX ใบเซอร์ GIA

ปัจจัยที่กำหนดความงามเพชรนั้นมีมากมาย จึงมีความซับซ้อนที่จะระบุออกมาทุกข้อ ทาง GIA จึงกำหนดปัจจัยหลักๆมาเพียง 3 ข้อในการให้คะแนน Cutting นั่นก็คือ:

  • สัดส่วน (Proportions)

อัตราส่วนและขนาดของ: ความลึก ความกว้าง และหน้าเพชร

  • ความสมมาตร (Symmetry)

องศาที่แม่นยำของเหลี่ยมมุม และหน้าต่างเพชร

  • ความเกลี้ยงเกลา (Polish)

การส่องแสงและความเป็นประกายของเนื้อผิว

ถ้าเพชรเม็ดนั้นได้รับคะแนน Excellent ทั้ง 3 ข้อ ก็จะเรียกได้ว่าเป็นเพชร 3 Excellent หรือ Triple Excellent นั่นเอง

ถ้าคุณอยากรู้ ว่าเพชรของคุณมีเหลี่ยมสวยแค่ไหน ให้คุณลองนำเพชรไปส่องดูด้วยไฟจากโคมธรรมดาๆ แล้วสังเกตดูว่าประกายเป็นอย่างไรเมื่อคุณค่อยๆขยับเพชรไปมา และที่สำคัญคุณควรจะดูใบเซอร์เพชรเม็ดนั้นประกอบด้วย ว่าตรงตามนั้นหรือเปล่า

เหลี่ยมเพชร หนึ่งในปัจจัยกำหนดมูลค่า

คุณภาพและความพิถีพิถันของเหลี่ยมเพชร เป็นปัจจัยที่กำหนดมูลค่าเพชรได้อย่างมหาศาล

ถ้าเพชรมีด้านต่างๆที่สมส่วน ก็จะสามารถสะท้อนประกายไฟออกมาได้อย่างงดงาม ต่างจากเพชรที่ไม่สมส่วน เพราะจะทำให้ประกายไฟด้อยกว่า ถ้าหากพูดในแง่ของมูลค่าและการลงทุน ถือว่ามีความคุ้มค่า เหนือกว่าน้ำหนักกะรัตหรือขนาดหน้าเพชรเสียอีก

เพราะฉะนั้น การที่เรายอมจ่ายมากกว่าเพื่อลงทุนกับเหลี่ยมเพชร ถือว่าสมเหตุสมผล เพราะความงามของเพชรเป็นเรื่องหลัก โดยเรามักจะให้ความสำคัญเรื่องน้ำ กับความสะอาดของเพชรเป็นเรื่องรอง

อ่านเพิ่มเติม: เพชร 1 กะรัตราคาเท่าไร และควรเลือกซื้ออย่างไร?

สรุป: เลือกเพชร 3 EX ให้ดูปัจจัยอื่นประกอบด้วย

ในการเลือกซื้อเพชรซักเม็ด เราแนะนำให้คุณพิจารณาเรื่องเหลี่ยมเพชรเป็นอันดับแรกเหนือสิ่งอื่นใด และถ้าหากคุณจะซื้อเพชรไม่ว่าจะเป็นของ GIA, HRD หรือ IGI หากเพชรเหลี่ยมไม่สวย ก็จะไม่เล่นไฟ

นอกเหนือจากการพิจารณาเพชรจากใบเซอร์ การรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญ และเหนือสิ่งอื่นใดเพชรเม็ดนั้นควรจะเข้ากับสไตล์และความต้องการของคุณ

เป้าหมายของเรา คือ การช่วยให้คุณสามารถซื้อเพชรได้อย่างง่ายดาย และได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะเราอยากให้คุณได้สวมใส่เพชรคุณภาพสูงที่สุด ภายในงบประมาณที่เหมาะสม

ถ้าคุณต้องการรับคำแนะนำในการเลือกซื้อเพชรสวยในวงเงินที่คุณกำหนดไว้ เรายินดีที่จะช่วยแนะนำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคุณ

อ่านเพิ่มเติม: เลิกใส่แหวนผิดไซส์ซักที! วิธีวัดไซส์แหวน แบบง่ายๆและแม่นยำ

อโบฟยินดีให้บริการคุณเสมอ

พูดคุยกับนักอัญมณีอโบฟไดมอนด์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน กรุณาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก