เพชร Rose Cut Diamond เทรนด์ใหม่ที่น่าจับตามอง
หวนคืนสู่ความวินเทจที่แท้ ด้วยการครอบครองแบบเพชรหายากที่เรียกว่า “เพชรโรส คัต" (Rose Cut Diamond)

เพชรกลมส่วนใหญ่ที่คุณเห็นทุกวันนี้ มักถูกเจียระไนด้วยแพตเทิร์นเหลี่ยมเพชรแบบเดียวกันที่เรียกว่าการเจียระไนแบบ "บริลเลียนต์ คัต" (Brilliant Cut Diamond) หรือเพชรเหลี่ยมเกสร
ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องสั่งทำแต่แหวนเพชรบริลเลียนต์ คัต เสมอไป หากคุณอยากให้เพชรของคุณมีลักษณะโดดเด่นกว่าเพชรทั่วไป อาจลองเปลี่ยนมาใส่เพชรโรส คัต (Rose Cut Diamond) บ้างก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อย
เพชร Rose Cut Diamond มาจากไหน?
เพชรโรส คัต ถือเป็นเหลี่ยมเพชรแบบเก่าแก่ มีมาตั้งแต่สมัยปีค.ศ. 1520 ที่ในขณะนั้นการค้าเพชรยังไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักในยุโรป แต่จะมีศูนย์กลางอยู่ที่อินเดียเสียมากกว่า เพชรทรงนี้ถูกรังสรรค์ออกมาเพื่อเลียนแบบกลีบแย้มบานของดอกกุหลาบ จึงมีลักษณะเป็นโดมโค้งมนด้านบน และมีฐานที่แบนราบ
อย่างไรก็ดี ในช่วงศตวรรษนั้น ช่างเจียระไนชาวยุโรปที่เริ่มเจียระไนเพชรด้วยเครื่องมือต่างๆ ที่ทำให้เพชรออกมาดูมีประกายและเหลี่ยมมุมมากยิ่งขึ้น และเพชรโรส คัต ก็ถือเป็นหนึ่งในเพชรแบบแรกๆ ที่ถูกออกแบบมาอย่างประณีต แต่ในขณะนั้นก็ยังคงหายากและไม่เป็นที่นิยมนัก
เพชรโรส คัต เริ่มเป็นที่นิยมอย่างมากในศตวรรษที่ 19 ในยุโรปเมื่อมีการค้นพบเหมืองเพชรในแถบทวีปแอฟริกา ทำให้การขนส่งและค้าขายเพชรเป็นไปได้ง่ายขึ้นในยุโรปจนกลายมาเป็นศูนย์กลางในปัจจุบันนั่นเองครับ
ลักษณะเด่นของเพชรโรสคัต


แผนภาพรูปทรงเพชรโรสคัต (Rose Cut Diamond) จากด้านบนและด้านข้าง
ลักษณะสำคัญของเพชรโรส คัต ก็คือก้นเพชรจะแบนราบ ในขณะที่หัวเพชรจะโค้งขึ้นไปเป็นทรงโดม และเจียเหลี่ยมให้เป็นรูปสามเหลี่ยม เริ่มต้นที่ 3 เหลี่ยมเจีย ไปจนถึง 24 เหลี่ยมเจีย เพชร โรส คัต มีจุดเด่นแตกต่างจากเพชรทั่วไปดังนี้ครับ
- ก้นแบน หน้าตัดโค้งเป็นโดม: โดยลักษณะเพชรโรส คัต จะไม่เหมือนกับเพชรทั่วๆ ไป ที่มักมีก้นเพชรแหลมลงไปและมีหน้าตัดเพชรด้านบนที่แบนราบ ในทางกลับกัน เพชรโรส คัต เรียกได้ว่าไม่มีก้นเพชร เพราะส่วนด้านล่างจะแบนราบ ในขณะที่ก็ไม่มีหน้าตัดเช่นกัน แต่ส่วนด้านบนจะโค้งขึ้นมาเป็นโดมแทน
- มีเหลี่ยมมากที่สุดเพียง 24 เหลี่ยม: จำนวนลักษณะเหลี่ยมเช่นนี้ทำให้เพชรโรส คัต สะท้อนประกายเพชรออกมาได้แตกต่างจากเพชรแบบอื่น โดยแสงจะมีความละมุนมากกว่า ไม่ได้ส่องประกายเฉียบคม (Shiny but not Brilliant) เหมือนกับเพชรแบบ "Brilliant Cut" จึงสื่อถึงความโรแมนติกแบบวินเทจ ความอ่อนหวาน และความเรียบง่ายได้เป็นอย่างดี
- เป็นผลงานทำมือ: เพชรโรส คัต ส่วนมากในตลาดเพชรปัจจุบันมักเป็นเพชรวินเทจ แม้แต่เพชรรุ่นใหม่ก็ยังคงใช้วิธีการเจียระไนด้วยมือแบบดั้งเดิมอยู่ จึงทำให้เพชรประเภทนี้มักถูกสรรสร้างในระดับงานฝีมือชั้นเยี่ยมโดยช่างมากประสบการณ์ ทำให้เพชร Rose Cut Diamond แต่ละเม็ดมีลักษณะโดดเด่นเป็นของตัวเอง ไม่เหมือนกับเพชรแบบ Brilliant Cut ที่ในปัจจุบันมักใช้เครื่องเจียระไนแทนการใช้แรงงานคนครับ
- ราคาคุ้มค่า: เนื่องจากเพชร Rose Cut Diamond มีลักษณะก้นแบน ทำให้ขนาดเพชรใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับน้ำหนักกะรัต นั่นหมายความว่า ถ้าหากคุณเปรียบเทียบเพชร Rose Cut Diamond กับเพชร Brilliant Cut ที่มีน้ำหนักกะรัตเท่ากัน เพชร Rose Cut Diamond จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเนื่องจากไม่ต้องคิดน้ำหนักที่ส่วนก้นเพชรเหมือนกับเพชร Brilliant Cut นั่นเองตัวอย่างเช่น ถ้าหากเพชรกลมทั่วไปขนาดหน้าตัด 6mm น้ำหนักอยู่ที่ 0.9 กะรัต เพชรโรส คัต ที่ขนาดเดียวกันจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 0.42 กะรัตเท่านั้น ทำให้หากคุณเปรียบเทียบเพชรทั้งสองแบบในน้ำหนักกะรัตที่เท่ากัน เพชรโรส คัต จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า
นอกจากนี้ คุณยังสามารถซื้อเพชรโรส คัต ที่มีความสะอาดและสีอยู่ในระดับต่ำลงมาได้ เพราะเพชรประเภทนี้จะไม่ได้มีประกายที่ชัดเจน ทำให้ไม่จำเป็นต้องเลือกเพชรโดยอิงจากลักษณะความสะอาดและสีมากนัก และด้วยลักษณะเหล่านี้ จึงทำให้คุณสามารถซื้อเพชรโรส คัต ได้ในราคาที่ประหยัดกว่านั่นเองครับ


อ่านต่อ: แหวนเพชร 1 กะรัต ราคาเท่าไร? ซื้อเพชรให้เก่งอย่างมืออาชีพ!
เพชรโรส คัต ในแบบต่างๆ


รูปทรงเพชรโรสคัตในแบบต่างๆ
และด้วยรูปแบบการเจียระไนเพชรโรส คัต ที่สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ทำให้คุณสามารถเลือกซื้อเพชรประเภทนี้ในแบบต่างๆ ได้ ดังนี้ครับ
- เพชร Rose Cut ธรรมดา: เป็นรูปแบบคลาสสิค โดยมีหน้าตัดทั้งหมด 24 หน้าตัดและก้นเพชรแบนราบ (รูปหมายเลข 1 และ 2)
- เพชร Double Rose Cut: เพชร Rose Cut รูปแบบนี้จะหน้าตาเหมือนการนำเอาเพชร Rose Cut แบบธรรมดา 2 อันมาประกบด้านกัน (รูปหมายเลข 6) ทำให้ก้นเพชรดูเป็นโดมสมมาตรกันกับด้านบนของเพชร จึงเพิ่มประกายให้เพชรมากยิ่งขึ้น
- เพชร Pendeloque Rose: เป็นการดัดแปลงเพชร Rose Cut ให้รูปทรงเพชรมีลักษณะคล้ายๆ ทรงหยดน้ำ โดยด้านบนจะเป็นทรงปลายแหลม และด้านล่างเป็นทรงปลายแหลมทำมุมป้าน (รูปหมายเลข 9) ในบางครั้งก็สามารถเจียระไนเหลี่ยมได้แบบเพชร Double Rose Cut เพื่อเพิ่มประกาย เพชร Rose Cut ประเภทนี้มักนำเอาไปทำจี้เพชรหรือสร้อยคอเพชรครับ
- เพชร Brabant Rose Cut: เพชร Rose Cut รูปแบบนี้จะมีเหลี่ยมอยู่ที่ไม่เกิน 12 เหลี่ยม โดยที่ฐานเพชรยกสูงขึ้นและยอดเพชรจะตื้นกว่า ทำให้มีความรู้สึกว่าหน้าเพชรดูกว้าง (รูปหมายเลข 3) อย่างไรก็ดี เพชรประเภทนี้จะมีประกายมากไม่เท่ากับเพชร Rose Cut ทั่วไปครับ
อ่านต่อ: 9 แบบ “เหลี่ยมเพชร” หายาก ที่คุณอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน
ใส่เพชร Rose Cut อย่างไรให้ดูโดดเด่น


Jennifer Aniston กับแหวนเพชรโรสคัต
คุณทราบไหมว่า แม้เพชรโรส คัต ในปัจจุบันจะยังคงเป็นเพชรหายากและดูวินเทจ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เพชรประเภทนี้ก็เริ่มจะกลับมาเป็นที่นิยมและเป็นแรงบันดาลใจในงานออกแบบจิวเวลรี่ร่วมสมัย คุณจะเห็นดาราหลายคน ทั้ง Jennifer Aniston, Alison Brie และ Camila Alves ก็ใส่แหวนหมั้นที่ประดับด้วยเพชรโรส คัต กันหลายครั้ง
และอีกคุณสมบัติหนึ่งที่ทำให้เพชร Rose Cut มีความโรแมนติกอย่างมาก ก็ด้วยลักษณะก้นเพชรที่แบนราบ ทำให้เวลาคุณสวมใส่แหวนเพชรรูปทรงนี้ นิ้วของคุณจะสามารถสัมผัสกับเพชรได้ตลอดเวลา ไม่เหมือนกับเพชรรูปแบบอื่นๆ ที่มีก้นเพชรแหลมและถูกชูขึ้นบนเรือน จึงทำให้ผู้สวมใส่เพชร Rose Cut เกิดความผูกพันกับแหวนเพชรรูปทรงนี้เป็นอย่างมาก
แม้เพชร Rose Cut ไม่ได้ส่องประกายโดดเด่นเท่าเพชรอื่นๆ แต่ด้วยแสงสะท้อนหวานละมุนที่ส่องออกมาจากตัวเพชร ทำให้เพชรประเภทนี้เหมาะแก่การสวมใส่ในทุกวันและทุกโอกาส ทำให้หากคุณเลือกเพชร Rose Cut ไว้ใส่เป็นแหวนแต่งงานที่จะใส่ทุกวันก็ดูจะเหมาะ เพราะไม่ได้โดดเด่นหรือแสบตาจนเกินไป แถมยังมีรูปทรงที่ไม่เหมือนใคร และเพชรประเภทนี้จะดูสวยงามน่าหลงใหลมากที่สุดเมื่อต้องกับแสงเทียนอันนุ่มนวลในบรรยากาศโรแมนติกครับ
อ่านต่อ: รวมเทคนิคใส่ “เครื่องประดับ” ให้สวยโดดเด่นได้ในทุกโอกาส
โดยส่วนมากแล้ว เพชรโรส คัต มักถูกนำไปขึ้นเรือนโดยการฝังหุ้ม (Bezel Setting) ที่ช่วยปกป้องตัวเพชรจากรอยขีดข่วน และทำให้รูปทรงโดมของเพชรโดดเด่นขึ้นมาจากฐานตัวเรือน
และถ้าหากคุณอยากให้แหวนเพชร Rose Cut สามารถสะท้อนแสงได้โดดเด่นขึ้น ก็สามารถปูฐานเพชร ด้วยวัสดุทองคำหรือทองขาวที่มีความเงา ซึ่งจะช่วยให้เพชรประเภทนี้มีประกายที่โดดเด่นได้ยิ่งขึ้นครับ
เพชร Rose Cut นิยมขึ้นเรือนได้ทั้งแบบแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวและแหวนเพชรล้อม โดยในลักษณะของแหวนเพชรล้อมนั้นมักจะมีการฝังเพชรแบบลักษณะพิเศษ ที่เพชรเม็ดกลางแบบ Rose Cut จะถูกฝังหุ้ม แล้วจึงทำฐานเพชรล้อมแยกออกมาจากเพชรเม็ดกลางอีกทีหนึ่ง อันจะให้ความรู้สึกวินเทจได้ดีทีเดียวเลยครับ


Credit: Pinterest
วิธีเลือกซื้อเพชร Rose Cut


Credit: coreyegan
เช่นเดียวกันกับการเลือกซื้อเพชรในแบบทั่วไป เวลาที่คุณเลือกซื้อเพชรโรส คัต (Rose Cut Diamond) ก็จะต้องตั้งอยู่บนหลักการ 4Cs โดยจะมีข้อควรสังเกตที่แตกต่างจากการเลือกซื้อเพชรกลมทั่วไปบางประการ
อย่างไรก็ดี เพื่อให้ได้เพชร Rose Cut ที่สวยและคุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ ก็อย่าลืมเลือกซื้อเพชรที่มีใบเซอร์เพชรจากสถาบันชั้นนำของโลกอย่าง GIA หรือ HRD รับรองด้วยนะครับ
งั้นไปดูกันเลยดีกว่าว่า การเลือกซื้อเพชร Rose Cut ตามหลัก 4Cs จะเป็นอย่างไรบ้าง
1. น้ำหนักกะรัต (Carat)
แม้น้ำหนักกะรัตยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาเพชร Rose Cut แต่ด้วยรูปทรงของเพชรที่แตกต่างจากเพชรแบบกลม ทำให้คุณได้เปรียบเวลาซื้อเพชรประเภทนี้ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ด้วยลักษณะก้นเพชรที่แบน จึงทำให้ไม่มีน้ำหนักที่ก้นเพชร น้ำหนักกะรัตทั้งหมดจึงไปตกอยู่ที่ขนาดของเพชร Rose Cut โดยตรง จึงทำให้เมื่อมีการเปรียบเทียบน้ำหนักกะรัตกับเพชรเม็ดกลม เพชรแบบ Rose Cut จึงดูใหญ่กว่าและมีราคาที่คุ้มค่ากว่าครับ
2. ความสะอาดของเพชร (Clarity)
ความสะอาดของเพชรโรส คัต เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันกับความสะอาดของเพชรแบบอื่นๆ เนื่องจากว่าเหลี่ยมเพชรแบบ Rose Cut สามารถเห็นรอยตำหนิต่างๆ ได้ง่ายกว่าด้วยความใสของหน้าตัดเพชร รูปทรงที่โค้งขึ้นเป็น 2 โดม และก้นเพชรที่แบน จึงเรียกได้ว่าคุณสามารถมองทะลุเข้าไปในเนื้อเพชรได้อย่างง่ายดายครับ
โดยเราได้กล่าวไปแล้วว่า ประกายของเพชรประเภทนี้จะไม่ได้ดูชัดเจนมากนัก และเพชร Rose Cut วินเทจส่วนใหญ่ก็มักจะมีตำหนิบ้างอยู่แล้ว ทำให้คุณสามารถเลือกเพชร Rose Cut ที่มีความสะอาดและสีอยู่ในระดับต่ำลงมาได้ อย่างไรก็ดี ไม่ควรเลือกระดับความสะอาดของเพชรประเภทนี้ต่ำจนเกินไปจนสามารถมองเห็นตำหนิได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้นคุณอาจสามารถเลือกเพชร Rose Cut ที่มีระดับความสะอาดตั้งแต่ SI1 (Slightly Included) ขึ้นไปเป็นต้นได้ครับ
อ่านต่อ: ความสะอาดของเพชร ตำหนิเพชร IF VVS VS SI เรื่องที่คุณต้องรู้!
3. สีของเพชร (Color)
เนื่องจากลักษณะเหลี่ยมเพชรของเพชรโรส คัต มักดูสวยกว่าเมื่อใช้อัญมณีสีโทนอุ่น ตัวอย่างเช่น ทัวร์มาลีน มุกดาหาร อความารีน มรกต ทับทิม และแซปไฟร์ แต่ในขณะที่เพชรแท้มีลักษณะไร้สี จึงเป็นการดี เพราะคุณสามารถเลือกระดับสีของเพชรที่อยู่ในเกรดต่ำกว่า D, E และ F ได้ เพราะแม้เพชรโรสคัต ของคุณจะมีสีเจือปนมาบ้างแต่ก็ยังดูสวยสะดุดตา หรือคุณจะเลือกใช้เพชรที่มีสีอย่างเช่น Pink Diamond, Blue Diamond หรือ Yellow Diamond แทนก็ได้ครับ
อ่านต่อ: เพชรน้ำ 100% / D Color คืออะไร น่าซื้อไหม?
4. การเจียระไนเพชร (Cut)
ส่วนมากถ้าหากคุณอยากให้เพชร Rose Cut ดูมีความวินเทจ ซึ่งในสมัยก่อนเพชรทรงนี้ก็จะไม่ได้มีความสมมาตรมากนัก คุณก็สามารถเลือกเพชรประเภทนี้โดยที่ไม่ต้องดูความสมมาตรมากนักก็ได้ แต่ถ้าหากคุณอยากให้เพชรประเภทนี้ดูเพอร์เฟกต์ ก็สามารถเลือกเพชร Rose Cut ที่มีเกรดการเจียระไนเพชรในระดับดีมากแทนก็ได้ ซึ่งจริงๆ ก็เรียกได้ว่ายังคงหายากอยู่ในตลาดค้าเพชรรูปทรงนี้ในปัจจุบันครับ
อ่านต่อ: เพชร 3 EX คืออะไร? ทำความรู้จักกับ เหลี่ยมเพชร กันดีกว่า!


เพชรโรสคัต: หวานละมุนไม่เหมือนใคร
ด้วยทรงเพชรที่กลมแต่มีรูปแบบการเจียระไนที่แตกต่างออกไป ทำให้เพชรโรส คัต ดูอ่อนหวานและส่องประกายได้ไม่เหมือนเพชรทรงกลมแบบทั่วไป และในปัจจุบันยังไม่ค่อยเห็นใครมีแหวนเพชรประเภทนี้นัก เพชรโรส คัต จึงเหมาะกับใครที่อยากครอบครองแหวนเพชรที่โดดเด่นและบ่งบอกตัวตนที่อ่อนหวานของคุณได้เต็มที่
นอกจากนี้ คุณยังได้เปรียบเพราะสามารถเลือกซื้อเพชรทรงนี้ในระดับเกรดที่ต่ำกว่า แต่ยังคงดูสวยจับตาและโดดเด่นไม่เหมือนใครได้
หากคุณสนใจสั่งทำแหวนเพชร ผู้เชี่ยวชาญของเราก็ยินดีให้คำปรึกษากับคุณทุกเมื่อ โดยคุณสามารถ ติดต่อเรา ได้ตอนนี้เลยนะครับ