ชุดแต่งงาน: 6 ขั้นตอนเลือกอย่างไรให้คุณสวยที่สุดในวันสำคัญ
ว่ากันว่าผู้หญิงจะสวยที่สุดในชีวิตได้ 1 วันก็คือในวันแต่งงาน และสิ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญอันจะทำให้ลุคของคุณดูโดดเด่นและสวยที่สุดได้ก็คงไม่พ้น "ชุดแต่งงาน" และเครื่องประดับ ที่จะเข้ามาเสริมออราของคุณให้เปล่งประกายกว่าใครๆ

"ชุดแต่งงาน" เป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของงานแต่งงาน เพราะนอกจากจะแปลงโฉมให้คุณกลายเป็นเจ้าสาวเต็มตัวแล้ว ยังทำให้คุณดูสวยที่สุดในชีวิต หลายๆ คนจึงทุ่มเทอย่างมากกับการสรรหาชุดที่เหมาะสมตามแบบฉบับของตัวเองและเลือกชุดที่ดูเลอค่ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้
การเลือกชุดแต่งงานจึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงหลายคนเพราะมีรายละเอียดค่อนข้างมาก มีแบบให้เลือกเป็นร้อยๆ แบบ อยากได้แบบที่ถูกใจ ราคาก็แพงเกิน หรือซื้อชุดมาอย่างหรู แต่กลับไม่เข้ากับธีมงานแบบกันเอง
จึงอยากให้ว่าที่เจ้าสาวทุกคนใจเย็นๆ อย่าเพิ่งหวั่นวิตกไปว่าเราจะเลือกชุดเจ้าสาวได้ไม่เพอร์เฟกต์พอ เพราะในวันนี้ บรู๊คมีขั้นตอนเลือกชุดแต่งงานที่จะทำให้คุณสามารถได้ชุดที่ทำให้คุณสวยที่สุดจริงๆ ค่ะ
1. Research แบบชุดแต่งงาน


แน่นอนว่าเจ้าสาวหลายๆ คนคงจะมีแบบชุดแต่งงานในใจที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่เด็กหรืออาจเป็นแนวชุดที่คุณมองๆ เอาไว้และคิดว่าเข้ากับสไตล์ของคุณ โดยคุณอาจเปิดผ่านๆ ตามนิตยสารเกี่ยวกับงานแต่ง หรือเปิดตาม wedding website เพื่อหาไอเดียต่างๆ เช่น pinterest, google หรือเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งงาน
โดยแบบชุดแต่งงานที่นำมาเป็น reference ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบที่สมบูรณ์แบบสำหรับชุดของคุณเสมอไปทั้งหมด คุณสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ส่วนประกอบที่คุณชอบ ทั้งกระโปรง ส่วนชุดด้านบน ผ้าคลุมหน้า หรือแม้แต่แขนเสื้อ เอามาปะติดปะต่อกันง่ายๆ โดยการพรินต์ออกมาแล้วตัดแปะ เพื่อที่จะได้เห็นภาพมากขึ้นถึงชุดที่คุณต้องการค่ะ
2. ตั้งงบประมาณ


การตั้งงบประมาณถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการวางแผนงานแต่งงานในทุกขั้นตอน ซึ่งรวมไปถึงการเลือกแบบชุดแต่งงานด้วย โดยการตั้งงบประมาณตั้งแต่เริ่มแรกจะทำให้คุณสามารถมองเห็นภาพลักษณะและคุณภาพของชุดที่สมควรได้รับ รวมไปถึงระดับของร้าน แบรนด์ หรือการสั่งตัดชุด ทำให้คุณมองเห็นภาพว่าคุณควรซื้อชุดเลย สั่งตัด หรือเช่า แบบใดจะเหมาะกับงบประมาณของคุณมากกว่า
อ่านต่อ: เปิดคัมภีร์ "ค่าใช้จ่ายงานแต่งงาน" สำหรับคู่รักทุกงบประมาณ
3. ดูปัจจัยสถานที่และรูปแบบงาน


แม้ว่าตัวคุณจะมีรูปแบบชุดแต่งงานอยู่ในใจอยู่แล้ว แต่ถ้าหากงบประมาณจัดงานแต่งงานของคุณไม่ได้เลิศหรูอลังการ เป็นเพียงงานเล็กๆ อบอุ่นภายในครอบครัว แต่คุณเลือกชุดลูกไม้ทั้งตัวยาวเฟื้อย ก็อาจจะไม่เหมาะกับธีมงานเท่าไรนัก หรือถ้าหากคุณจัดงานแต่งงานในโบสถ์คริสต์ ก็อาจต้องการชุดที่ดูมีความเป็นทางการมากกว่าการเลือกแต่งงานริมทะเล ซึ่งสามารถแต่งตัวเจ้าสาวให้ดูสบายๆ ได้มากกว่า
รวมถึงถ้าหากภายในงานมีแขกผู้ใหญ่อยู่ด้วย ก็ต้องให้เกียรติแขกเหล่านั้นโดยการเลือกแบบชุดเจ้าสาวที่ไม่เปิดเผยมากจนเกินไป แต่ยังคงความเป็นสไตล์ของคุณได้อย่างเต็มเปี่ยมค่ะ
4. พิจารณาชุดที่เหมาะกับรูปร่าง


เมื่อคุณได้เลือกชุดจากแบบที่ชอบ จากสถานที่ และกาลเทศะแล้ว ก็ถึงเวลาเลือกแบบชุดแต่งงานที่เหมาะกับตัวคุณจริงๆ โดยไม่ใช่ชุดทุกชุดจะเหมาะกับรูปร่างของคุณ
ในการเลือกชุดให้เหมาะกับรูปร่างของคุณ ควรคำนึงถึงชุดที่ขับเน้นจุดเด่นและอำพรางจุดด้อยให้คุณได้ สามารถแบ่งตามรูปร่างของว่าที่เจ้าสาวได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือรูปร่างตรง รูปสามเหลี่ยม นาฬิกาทราย และลูกแพร์ โดยมีเคล็ดลับการเลือกชุดดังนี้ค่ะ
รูปร่างแบบลูกแพร์
หรือรูปร่างแบบช่วงล่าง สะโพกและต้นขาใหญ่ ให้คุณเลือกชุดเป็นกระโปรงทรงเอ (A-Line) จะเป็นการช่วยพรางช่วงขาหรือส่วนล่างของร่างกาย ในขณะเดียวกันก็ขับเน้นให้เห็นเอวชัดเจนยิ่งขึ้น
รูปร่างช่วงบนใหญ่
ให้เลือกชุดที่มีโครงสร้างซัปพอร์ตหรือมีคอร์เซ็ทข้างในเพื่อช่วยพยุงส่วนต่างๆ ให้มีรูปทรงที่ดี เก็บเนื้อส่วนเกินได้มาก หรือถ้าหากอยากเน้นในส่วนหน้าอก ก็สามารถเลือกชุดคอวีหรือแบบผ่าอก ที่ยังคงดูสวยสง่าและเซ็กซี่ในเวลาเดียวกันได้
รูปร่างอวบ
เหมาะสำหรับชุดแบบหลวมๆ สไตล์วินเทจกระโปรงพลิ้วยาว โดยชุดแบบนี้ไม่เน้นสัดส่วนต่างๆ ที่คุณไม่มั่นใจจนเกิน ไปแต่ยังคงความสง่างามในวันสำคัญของคุณได้ค่ะ
รูปร่างผอมตรง
คุณจะดูสวยงามเป็นพิเศษในชุดแต่งงานแบบหางปลา ซึ่งจะขับเน้นความสูงที่เป็นจุดเด่นของคุณให้ดูสง่างามมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ชุดแบบหางปลายังช่วยเน้นส่วนโค้งเว้าของร่างกาย ทำให้คุณดูดี มีความเป็นผู้หญิงได้อย่างเต็มที่
5. ไปลองชุด


หลังจากที่ตัดสินใจเลือกแบบชุดแต่งงานหลายๆ แบบที่คุณต้องการแล้ว ก็ถึงเวลาไปลองชุดกับห้องเสื้อหรือแบรนด์ที่คุณเล็งเอาไว้ เพื่อจะได้รู้ว่าชุดนั้นๆ เหมาะสมกับคุณตามที่คิดไว้หรือไม่
โดยในการลองชุดแต่งงานนั้น ไม่ใช่แค่การลองสวมดูในห้องลองหรือในสตูดิโอเท่านั้น คุณควรลองใส่ชุดแล้วขยับเขยื้อนร่างกายในหลายๆ ท่วงท่าทาง ทั้งการเดิน การนั่ง และทำท่าต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าชุดที่เราเลือกนั้นจะทำให้คุณเดินเหินสะดวก ไม่แน่นจนเกินไปจนหายใจไม่ออก เพราะในวันแต่งงานคือวันสำคัญที่คุณไม่ควรต้องมากังวลกับเรื่องเล็กน้อยใดๆ เลยค่ะ
6. เรื่องเครื่องประดับเพชรที่ Complete the Look


การเลือกแค่ชุดแต่งงานนั้นไม่พอ คุณต้องเลือกเครื่องประดับเพชรที่เข้ากันกับชุดของคุณได้ดีที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องประโคมเครื่องประดับลงไปมากเกิน ให้นึกไว้เสมอว่ายิ่งน้อยชิ้นยิ่งดี และเครื่องประดับเพชรชิ้นนั้นๆ ควรเป็นชิ้นที่มีคุณภาพ เล่นไฟสวยงาม และช่วยเติมเต็มชุดและลุคของคุณให้ดูสมบูรณ์
ให้คุณเลือกเครื่องประดับเพชรเข้ามาเติมเต็มส่วนของชุดแต่งงานที่เปิดเผยเนื้อตัว เช่นถ้าหากเป็นชุดเปิดไหล่หรือเกาะอก ก็สามารถใส่สร้อยคอเพชรประดับลงไปได้ ถ้าหากชุดของคุณเป็นชุดเรียบๆ ก็อาจจะใส่ tiara เพชรให้ดูเด่นขึ้น หรือถ้าหากชุดของคุณเป็นชุดลูกไม้ทั้งตัว การใส่เพียงต่างหูเพชรคู่เล็กๆ ก็ช่วยทำให้คุณดูเปล่งประกายขึ้นได้มากแล้วค่ะ
อ่านต่อ: ชุดเครื่องเพชร ออกงาน ใส่อย่างไรให้สวย ไม่ดูมีอายุ!
"ชุดแต่งงาน" บ่งบอกความเป็นตัวคุณ
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าคุณจะเลือกชุดแต่งงานแบบใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสบายใจของว่าที่เจ้าสาวเช่นคุณว่าใส่ชุดนั้นๆ แล้วจะมีความสุขหรือไม่ในวันสำคัญ เช่นเดียวกับที่ Above Diamond เราสร้างสรรค์เครื่องประดับเพชรและแหวนเพชรแต่งงานเปี่ยมด้วยคุณภาพที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณได้มากที่สุด หากคุณต้องการเข้ามาปรึกษาเรื่องการเลือกเครื่องประดับเพชรและแหวนเพชรแต่งงาน ก็สามารถติดต่อ Above Diamond ได้ตอนนี้เลยนะคะ