อัพเดทล่าสุด 08/03/2024 โดย Above Diamond

15 แบบแหวนเพชร เจาะลึกทุกสไตล์ฮิต ที่คุณจำเป็นต้องรู้

15 แบบแหวนเพชร เจาะลึกทุกสไตล์ฮิต ที่คุณจำเป็นต้องรู้

แชร์บทความนี้

การเลือกแบบแหวนเพชร หรือแบบแหวนแต่งงาน เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณควรพิจารณาก่อนตัดสินใจสั่งทำแหวนเพชรสักวง

คุณเคยรู้สึกลำบากใจไหม? เวลาต้องเลือกแหวนแต่งงานที่มีตัวเลือกมากมาย ทั้งในเว็บ ในนิตยสาร หรือในร้าน ที่มีเยอะเสียจนทำให้คุณเลือกไม่ถูก เหมือนการฝ่าดงเข้าไปซื้อเสื้อผ้าในมหกรรมเซลล์อย่างไรอย่างนั้น

และที่ยิ่งไปกว่านั้น…

คุณคงจะเคยได้ยินคำศัพท์แปลกๆ เกี่ยวกับเทคนิคการฝังเพชร สำหรับแบบแหวนเพชรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ฝังหนามเตย ฝังจิกไข่ปลา ฝังสอด ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้คุณยิ่งงงเข้าไปใหญ่

จึงตั้งใจเขียนบทความนี้ขึ้นมา เพื่ออธิบายให้คุณเข้าใจง่ายๆ ว่าแบบแหวนเพชรแต่ละแบบ มีหน้าตาเป็นอย่างไร และมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร

โดยแบบแหวนเพชรทั้งหมดที่คุณเคยพบเจอมานั้น สามารถจำแนกได้อยู่ภายใน 15 ประเภทที่เราจะกล่าวถึงในวันนี้ ซึ่งเราได้ทำการรวมทั้งเทคนิคการฝังเพชร และแบบตัวเรือนยอดนิยมไว้ในบทความนี้ทั้งหมด คุณจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปหาดูแบบแหวนเพชรที่ไหนอีก เพราะเราได้ทำการสรุปให้คุณเรียบร้อยแล้ว

และเมื่อคุณเลือก แบบแหวนเพชร หรือแบบแหวนแต่งงานที่ถูกใจได้แล้ว สามารถติดต่อเรา เพื่อให้เราช่วยเลือกเพชรเบลเยียมเม็ดงามสำหรับคุณได้

เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า…

1. แหวนเพชรเม็ดเดี่ยว ฝังหนามเตย (Solitaire & Prong Setting)

แบบแหวนเพชรฝังหนามเตย
แบบแหวนเพชรฝังหนามเตย

แบบแหวนเพชร ที่คุณจะพบเจอบ่อยที่สุด และถือเป็นแบบคลาสสิกตลอดกาลคือ แบบแหวนเพชรเม็ดเดี่ยว ที่ฝังแบบหนามเตย เหมาะสำหรับคู่รักที่กำลังมองหาแบบแหวนแต่งงาน

หนามเตย คือ ก้านที่ต่ออยู่กับกระเปาะที่คอยประคองเพชรหรืออัญมณีไว้ โดยส่วนปลายของหนามเตยแต่ละจุดจะมีลักษณะโค้งเข้าหากันเพื่อยึดเพชรเอาไว้

หนามเตยมีหลายรูปแบบ เช่น กลม แหลม แบน หรือ ตัว V (นิยมใช้กับเพชรทรง Princess Cut Diamond)

ตัวเรือนแหวนที่ฝังเพชรแบบหนามเตย ที่คุณจะเห็นได้บ่อยๆ คือแบบ 4 หรือ 6 ก้าน โดยแบบ 4 ก้านคือแบบที่คลาสสิกและฮิตที่สุด ในขณะที่แบบ 6 ก้านจะให้ความทนทานมากกว่า

ตัวเรือนแหวนที่ฝังแบบนี้จะทำให้เพชรดูใหญ่โต เพราะมีส่วนโลหะมาหุ้มน้อยที่สุด จึงสามารถมองเห็นเพชรได้จากทุกมุม ทำให้เพชรดูมีประกายแวววาวอย่างชัดเจน

คนส่วนใหญ่ที่ซื้อแหวนเพชร 1 กะรัต มักจะเลือกสั่งทำตัวเรือนแบบนี้

ข้อดี ของตัวเรือนฝังหนามเตย

  • เพชรจะได้รับการชูขึ้นมา ทำให้มองเห็นได้ง่ายกว่า
  • เพิ่มพื้นผิวสัมผัสของเพชร แสงจึงผ่านเข้าไปได้ดี ทำให้เพชรดูมีไฟ
  • ฝังเพชรได้หลายรูปทรง ทั้งเพชรกลม และเพชรแฟนซี
  • ง่ายต่อการทำความสะอาด เพราะมีรายละเอียดน้อย
  • เป็นลุคที่คลาสสิก และสวมใส่ได้ในทุกโอกาส

ข้อเสีย ของตัวเรือนฝังหนามเตย

  • แหวนอาจเกี่ยวดึงกับเสื้อผ้าหน้าผม โดยเฉพาะถ้าเป็นแหวนที่ชูเพชรขึ้นสูง (สามารถชูเพชรให้ต่ำลงได้ ถ้าคุณเป็นคนที่มี Active Lifestyle)
  • เมื่อสวมใส่ไปเรื่อยๆ เพชรอาจหลวมและขยับได้ (ควรจะตรวจสอบดูทุกๆ 2 ปีเป็นอย่างน้อย เพื่อให้มั่นใจว่าเพชรยังอยู่กับที่)

2. แหวนเพชรฝังหุ้ม (Bezel Setting)

แบบแหวนเพชรฝังหุ้ม
แบบแหวนเพชรฝังหุ้ม

แหวนเพชรฝังหุ้ม เป็นแบบแหวนเพชรที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสอง เพราะเป็นลุคที่ดู Modern และเหมาะกับคนที่มี Active Lifestyle

การฝังแบบนี้จะต่างจากแบบหนามเตย เพราะแทนที่จะเกี่ยวเพชรไว้เฉยๆ การฝังหุ้มจะล้อมตัวเพชรทั้งเม็ดด้วยส่วนโลหะบางๆ เป็นทรงกลม ซึ่งจะทำให้เพชรยึดแน่นอยู่กับที่ เหมือนการใส่เคสมือถือแบบหนาๆ

การฝังหุ้ม อาจจะล้อมรอบหรือล้อมแค่บางส่วนของเพชรก็ได้ โดยถ้าหากเป็นการล้อมบางส่วนก็จะเปิดด้านข้างของเพชรให้เห็น

แหวนที่ฝังหุ้มจึงเป็นตัวเรือนที่เหมาะสมสำหรับคนที่ต้องทำงานด้วยมือเยอะหน่อย เพราะจะได้ไม่ต้องกังวลเวลาเพชรไปเกี่ยวกับสิ่งของ

ข้อดี ของตัวเรือนฝังหุ้ม

  • ปกป้องเพชรได้แน่นหนากว่าตัวเรือนแบบฝังเตย เหมาะกับผู้ที่ต้องการความคล่องแคล่ว
  • ให้ลุคที่ดู Modern ทันสมัย
  • ไม่ทำให้เพชรไปเกี่ยวดึงกับเสื้อผ้าหน้าผม
  • ป้องกันเม็ดเพชรได้ดี จากการชนปะทะสิ่งของ
  • ง่ายต่อการทำความสะอาดและดูแล เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องเพชรหลวม

ข้อเสีย ของตัวเรือนฝังหุ้ม

  • ซ่อนตัวเพชรมากกว่าแหวนที่ฝังหนามเตย เพชรจึงดูเล็กกว่าความเป็นจริง
  • เพชรจะได้รับแสงกระทบน้อย ทำให้ประกายไฟสู้การฝังหนามเตยไม่ได้

3. แหวนเพชรฝังหนีบ แบบปกติ (Classic Tension Setting)

แบบแหวนเพชรฝังหนีบ

การฝังหนีบ คือการใช้แรงดันจากโลหะทั้งสอนด้านของตัวแหวนในการหนีบเพชรเข้าไว้ จึงทำให้ดูเหมือนเพชรถูกยึดไว้กับที่ด้วยตัวเรือนเฉยๆ

การฝังแบบนี้มักจะใช้ Laser เพื่อหาขนาดที่แม่นยำของเพชร แล้วช่างฝังชำนาญการจะทำการตัดร่องเล็กๆ บนตัวเรือน เพื่อให้เพชรหรืออัญมณีล้ำค่าเกาะ เปรียบเสมือนลอยอยู่ ด้วยแรงดันจากตัวเรือนที่ค่อยผลักเพชรจากทั้งสองฝั่งให้อยู่กับที่

ข้อดี ของตัวเรือนฝังหนีบแบบปกติ

  • หนีบเพชรให้อยู่กับที่ได้อย่างกระชับ ไม่ขยับไปมา
  • ไม่พบเห็นได้บ่อย ทำให้ผู้สวมใส่ดูมีรสนิยมเป็นพิเศษ แตกต่างจากคนทั่วไป
  • เพชรมีพื้นผิวสัมผัสมาก จึงมีแสงกระทบทำให้เล่นไฟได้ดีกว่า
  • ให้ลุคที่ดู Modern และมีสไตล์
  • ไม่ต้องระมัดระวังมากเท่าการใส่แหวนเพชรแบบฝังหนามเตย

ข้อเสีย ของตัวเรือนฝังหนีบแบบปกติ

  • การเพิ่ม-ลดไซซ์แหวน ทำได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูง
  • อาจทำให้เพชรดูเล็กกว่าความเป็นจริง โดยเฉพาะเวลาใช้เนื้อโลหะหนา
  • ถึงแม้จะเป็นไปได้ยาก แต่ก็มีโอกาสที่เพชรอาจหลุดออกมาได้หากถูกกระทบแรงๆ

4. แหวนเพชรฝังหนีบ ออกแบบฝังหุ้ม (Tension-Style Bezel Setting)

แบบแหวนเพชรฝังหุ้ม

ส่วนการฝังหนีบ โดยการตั้งใจออกแบบมาให้ดูโค้งไปตามส่วนของเพชร เรียกว่าตัวเรือนฝังหนีบออกแบบฝังหุ้ม (Tension-Style Bezel Setting) ซึ่งจะผลิตยากกว่าตัวเรือนที่หนีบแบบตรงๆ เพราะต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญสูง แต่ตัวเรือนแบบนี้มีข้อดีตรงที่สามารถปกป้องเพชรได้รอบด้านกว่า และจะหนีบเพชรให้อยู่กับที่ได้ดีกว่า

แบบแหวนแต่งงานนี้ได้รับความนิยมมาก ในหมู่คนที่ชอบแหวนเพชรฝังหนีบ เพราะลดข้อเสียของการฝังหนีบแบบปกติได้ โดยการประยุกต์ใช้การฝังหุ้มเม็ดเพชรแทน

ข้อดี ของตัวเรือนฝังหนีบ ออกแบบฝังหุ้ม

  • ยึดเพชรอยู่กับที่ได้ดีกว่า
  • เป็นลุคที่ดูอมตะ และคลาสสิกกว่าแบบฝังหนีบปกติ
  • ไม่ต้องระมัดระวังเวลาใส่มากเท่ากับแบบฝังหนามเตย
  • ยังคงมีพื้นผิวเพชรมากพอ ที่แสงจะผ่านเข้ามา ทำให้ดูเล่นไฟได้ดี

ข้อเสีย ของตัวเรือนฝังหนีบ ออกแบบฝังหุ้ม

  • ปรับเพิ่ม-ลดไซซ์ลำบาก และมีค่าใช้จ่ายสูง
  • อาจทำให้เพชรดูเล็กกว่าความเป็นจริง
  • หากถูกชนเข้าอย่างแรง อาจทำให้เพชรหลวมได้

5. แหวนเพชรฝังสอด หรือฝังล็อก (Channel Setting)

แหวนแบบฝังสอด

การฝังสอด คือวิธีในปลอดภัยในการฝังเพชรเม็ดเล็ก โดยที่เพชรจะเรียงกันเป็นแนวยาว ไม่มีเนื้อโลหะมาขวางกั้นระหว่างเพชร

การฝังสอด มักจะนิยมใช้กับแหวนเพชรแถว เพื่อเรียงเพชรให้ทั่วแหวนเป็นวงกลมรอบนิ้ว โดยได้รับความนิยมมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงาน เพราะสามารถสวมใส่ได้ง่าย เหมาะกับชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ

เนื่องจากแหวนเพชรฝังสอดไม่มีการใช้หนามเตย จึงเหมาะกับคนที่ชอบความปลอดภัย และต้องการความสะดวกสบายในการสวมใส่

ข้อดี ของตัวเรือนฝังสอด

  • สามารถยึดเพชรไว้ได้อย่างมั่นคง ป้องกันจากการกระทบได้ดี
  • เพิ่มประกายให้แหวนเพชร เมื่อนำมาใช้ประดับรอบๆ เพชรเม็ดใหญ่
  • ดีไซน์ดูเฉียบคม แต่ยังมีความมั่นคงเป็นอย่างดี
  • แหวนจะไม่ค่อยเกี่ยวดึงกับเสื้อผ้าหน้าผม

ข้อเสีย ของตัวเรือนฝังสอด

  • ต้องใช้ความพยายามในการทำความสะอาด เพราะฝุ่นจะเข้าไปเกาะด้านใน
  • ยากต่อการตัดต่อไซซ์แหวน เพราะต้องเพิ่มลดจำนวนเพชร ทำให้ดูไม่สมส่วน
  • ซ่อนเม็ดเพชรมากกว่าฝังหนามเตย เพราะด้านข้างๆ จะมีโลหะบังอยู่

6. แหวนเพชรฝังจิกไข่ปลา (Pavé Setting)

แหวนฝังจิกไข่ปลา

การฝังแบบจิกไข่ปลา คำว่า Pavé มีที่มาจากฝรั่งเศส ซึ่งก็คือ Pave ในภาษาอังกฤษ เมื่อแปลเป็นภาษาไทย หมายถึง การปูทาง หรือในที่นี้คือการปูเพชรนั่นเอง

การฝังแบบนี้ เหมาะกับการนำเพชรเม็ดเล็กๆ มาวางเรียงกันเป็นแพ แล้วยึดติดด้วยก้อนโลหะกลมๆ เล็กๆ เหมือนไข่ปลา การฝังแบบนี้จะทำให้เพชรดูระยิบระยับ มีประกายมากมากขึ้นโดยเฉพาะถ้าอยู่ในตัวเรือนทองขาว

ข้อดี ของตัวเรือนฝังจิกไข่ปลา

  • สามารถช่วยทำให้เพชรเม็ดกลางดูเด่นยิ่งขึ้น
  • เพิ่มประกายไฟให้แหวนเพชร เมื่อนำมาประดับรอบๆ
  • ถ้าเพชรเม็ดกลางไม่มีไฟเท่าไร การฝังเพชรแบบจิกไข่ปลาจะช่วยให้ดูเล่นไฟมากขึ้น
  • สามารถออกแบบแหวนเพชรให้ดูทันสมัย หรือวินเทจก็ได้

ข้อเสีย ของตัวเรือนฝังจิกไข่ปลา

  • ตัดต่อขนาดแหวนลำบาก โดยเฉพาะถ้าฝังเพชรไว้รอบวง
  • เพชรเม็ดเล็กมีโอกาสหลุดออกได้ (โอกาสน้อยมาก)

เราแนะนำให้คุณเลือกไซซ์แหวนที่ถูกต้อง ให้มั่นใจก่อนแล้วค่อยสั่งทำแหวนเพชร เพื่อป้องกันไม่ให้คุณต้องลำบากแก้ขนาดแหวนในภายหลัง

7. แหวนเพชรล้อม (Halo Setting)

แหวนเพชรล้อม

แบบแหวนเพชรล้อม หมายถึงการนำเพชรเม็ดใหญ่มาล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดเล็ก ตามรูปทรงของเพชรเม็ดกลาง ซึ่งจะทำให้เพชรเม็ดกลางดูใหญ่ขึ้น

แหวนแบบนี้ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการโชว์เพชรแบบหมดหน้าตัก อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประกายไฟของแหวนเพชรได้ดีอีกด้วย

แหวนเพชรล้อม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประหยัดเงิน เพราะแทนที่จะต้องซื้อเพชรเม็ดใหญ่ ก็สามารถลดงบประมาณมาเป็นเพชรเม็ดเล็กๆ แทน แต่ยังคงได้ภาพลักษณ์ที่ดูดีไม่แพ้กัน

นอกจากนี้ ถ้าคุณเลือกใช้เพชรสีแฟนซี หรืออัญมณีอื่นๆ เป็นเม็ดกลาง และล้อมด้วยเพชรขาว ก็เป็นการเล่นสีให้ตัดกันได้อย่างสวยงาม

แหวนเพชรล้อม นิยมนำเพชรมาฝังแบบจิกไข่ปลาด้านข้างตัวเรือนเพื่อเพิ่มความสวยงาม แต่ถึงจะไม่มีเพชรมาตกแต่งรอบๆ ก็ยังดูดีแบบเรียบหรูได้อย่างมีระดับ

ข้อดี ของแหวนเพชรล้อม

  • ช่วยเสริมให้เพชรเม็ดกลางดูยิ่งใหญ่อลังการ
  • เพิ่มประกายไฟให้แหวนเพชร เพราะมีเพชรล้อม
  • เพชรเม็ดกลางได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี
  • สามารถประยุกต์ใช้ได้กับเพชรทุกสีทุกรูปทรง
  • มีตัวเลือกในการออกแบบเยอะ เล่นสีเล่นลายได้

ข้อเสีย ของแหวนเพชรล้อม

  • ถ้าช่างฝังฝีมือไม่ดี เพชรล้อมเล็กๆ อาจหลุดหายได้
  • ปรับแต่งไซซ์ยาก หากออกแบบข้างๆ เป็นแหวนแถว

8. แหวนเพชรแบบชู (Cathedral Setting)

แหวนเพชรแบบชู

แหวนเพชรแบบชู นับเป็นแบบที่ดูภูมิฐานและคลาสสิกที่สุด ในบรรดาแบบแหวนแต่งงานทั้งหมด เพราะมีลักษณะส่วนฐานที่ชูเพชรคล้ายๆ กับซุ้มประตูของโบสถ์คริสต์โบราณ

ส่วนวิธีการฝัง อาจจะฝังแบบหนามเตย แบบล้อม หรือแบบหนีบก็ได้ เพราะลักษณะของแหวนแบบชูไม่ได้อยู่ที่เทคนิคการฝัง แต่อยู่ที่วิธีการตกแต่งในส่วนโลหะที่ชูเพชรขึ้นมาต่างหาก

การที่ตัวเรือนชูเพชรขึ้นมา จะช่วยเพิ่มความสูงของเพชรซึ่งทำให้เพชรเม็ดหลักดูใหญ่ยิ่งขึ้น และถือเป็นวิธีที่ดีสำหรับคนที่งบน้อยต้องการประหยัด เพราะเน้นเล่นลายส่วนตัวเรือน มากกว่าการโชว์จำนวนเพชร

ข้อดี ของแหวนเพชรแบบชู

  • เน้นเพชรเม็ดกลางให้ดูยิ่งใหญ่อลังการ
  • ดีไซน์ดูแปลกใหม่ เมื่อคนเห็นแล้วต้องทัก
  • สามารถจับเพชรเม็ดกลางให้อยู่กับที่ได้ดี
  • เพิ่มความสูงของเพชร โดยไม่ต้องเพิ่มงบมาก
  • เพชรเม็ดกลางจะดูใหญ่กว่าความเป็นจริง

ข้อเสีย ของแหวนเพชรแบบชู

  • อาจจะไปเกี่ยวกับเสื้อหรือของใช้ในบ้าน หากชูเพชรสูงเกินไป
  • รูปทรงอาจดูไม่เพรียว และคล่องแคล่วเหมือนกับแหวนแบบฝังหุ้ม
  • ต้องใช้ความพยายามในการทำความสะอาด เพราะมีร่องเยอะ
  • หากออกแบบไม่ดี ดีไซน์ของตัวเรือนอาจดึงดูดความสนใจออกจากเพชรได้

9. แหวนเพชรฝังบาร์ (Bar Setting)

แหวนเพชรฝังแบบบาร์

การฝังเพชรโดยขั้นด้วยแถบโลหะจากตัวเรือน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดูแปลกตาในการฝังเพชร

การฝังแบบบาร์จะคล้ายๆ กับการฝังสอด แต่จะแตกต่างตรงที่การฝังสอดจะไม่เว้นที่ว่างระหว่างเพชร เพชรจึงแนบชิดติดกันหมด ขณะที่การฝังแบบบาร์จะเว้นที่ว่างไว้ เพื่อสอดชิ้นโลหะให้เพชรยึดอยู่กับที่

ตัวเรือนแบบนี้สามารถช่วยเน้นเพชรแต่ละเม็ดให้ดูโดดเด่นได้ เหมาะกับการทำแบบแหวนแต่งงาน Wedding Band หรือ แหวนซ้อนแบบ Stackable Ring ทีละหลายๆ วง

ข้อดี ของแหวนเพชรแบบบาร์

  • ทำให้สามารถมองเห็นพื้นผิวเพชร ได้มากกว่าแหวนเพชรแบบฝังสอด
  • สามารถใช้ทำเป็นแหวน Stackable Ring หรือแหวนเพชรเม็ดเดียวเรียบๆ
  • ยึดเพชรได้เป็นอย่างดี ด้วยบาร์โลหะที่ขั้นเพชร
  • ทำให้แหวนเพชรดูมีประกายไฟดีขึ้น เพราะเพชรโชว์พื้นผิวมากขึ้น

ข้อเสีย ของแหวนเพชรแบบบาร์

  • ประสิทธิภาพในการยึดเพชร อาจด้อยกว่าแบบฝังสอด
  • การปรับไซซ์แหวนเพชรอาจทำได้ยาก และใช้เวลานาน
  • เนื่องจากเพชรได้รับการป้องกันจากตัวเรือนน้อยกว่า จึงอาจทำให้เพชรถากได้

10. แหวนเพชรฝังเหยียบ หรือฝังหน้าจม (Flush Setting)

แหวนเพชรฝังเหยียบ

การฝังเหยียบเป็นเทคนิคที่ต้องใช้การเหยียบสมชื่อ เพราะถึงแม้ว่าจะดูเผินๆ แล้วจะคล้ายกับแบบฝังหุ้ม แต่ที่จริงเป็นการเจาะรูตรงส่วนโลหะของแหวนลงไป แล้วช่างจะทำการกดเพชรเข้าไปให้อยู่กับที่

การฝังอัญมณีแบบฝังเหยียบจะไม่เหมาะกับพลอยหรืออัญมณี ที่มีเนื้ออ่อนกว่าเพชร เพราะอาจทำให้เนื้อพลอยแตกได้ในระหว่างการกดพลอยเข้าไป

แหวนเพชรฝังเหยียบเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมเมื่อพูดถึงแบบแหวนเพชรผู้ชาย เพราะการที่เพชรได้รับการฝังเข้าไปให้อยู่กับที่ ทำให้โอกาสหลุดหายยากมาก

อ่านเพิ่มเติม: 3 เคล็ดลับเลือกซื้อ แหวนแต่งงานผู้ชาย เซอร์ไพรส์คนพิเศษ!

ข้อดี ของแหวนเพชรฝังเหยียบ

  • เป็นแหวนเพชรที่มีความทนทานมากที่สุด จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องทำงานด้วยมือเยอะๆ
  • ทำให้ผู้สวมใส่ดูเป็นคนคล่องแคล่ว เรียบร้อย และเรียบง่าย
  • ลดความกังวลเรื่องเพชรหลุดหรือหลวม เพราะเป็นไปได้ยาก
  • เพิ่มการป้องกันให้กับเพชรอย่างแน่นหนา เปรียบเสมือนเสื้อเกราะ
  • ถือเป็นแบบที่มีความ Practical และสวมใส่ในชีวิตจริงได้ดีที่สุด
  • ลดโอกาสเป็นเป้าสายตาของขโมยขโจร เพราะไม่สะดุดตาเกินไป

ข้อเสีย ของแหวนเพชรฝังเหยียบ

  • ทำให้เห็นเพชรได้น้อยลง เพราะถูกฝังจมลงไป
  • เพชรจะมีประกายไฟสู้การฝังแบบอื่นๆ ไม่ได้

11. แหวนเพชรเรียง 3 ถึง 7 เม็ด (Three – Seven Stone Setting)

แหวนเพชรฝังเรียง

แบบแหวนเพชรเรียง และ แบบแหวนเพชรแถว ไม่ว่าจะเป็นเพชร 3…4…5…6…7 เม็ด ล้วนแต่เป็นแบบที่มีความอเนกประสงค์มาก จึงมักจะใช้เป็นแบบแหวนหมั้น แหวนแต่งงาน แหวนครบรอบ หรือโอกาสพิเศษอื่นๆ

ส่วนการเลือกจำนวนเพชร ขึ้นอยู่กับความเชื่อและความพึงพอใจของตัวผู้สวมใส่เอง

เช่น บางคนเชื่อว่าแหวนเพชรเรียง 3 เม็ด แสดงความหมายถึง อดีต ปัจจุบัน และอนาคตที่มีความสุขของคู่รัก

ถ้าหากเป็นคนจีนอาจจะชอบแหวนเพชรเรียง 5 เม็ด เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีความสำเร็จ จึงเหมาะกับการแสดงความยินดีในหน้าที่การงาน

บางคนที่ชอบเพชรเยอะหน่อยก็จะเลือกเป็นแบบแหวนเพชรเรียง 7 เม็ด เพราะเลข 7 แสดงถึงโชคดี (Lucky Seven) ตามความเชื่อของชาวตะวันตก

ข้อดี ของแหวนเพชรเรียง

  • เพิ่มประกายไฟของเพชรได้ดี
  • สามารถเลือกใส่เพชรขนาดใหญ่ได้หลายเม็ด
  • ทำให้เพชรเม็ดกลางดูเด่นยิ่งขึ้น หากเลือกเพชรข้างๆ ที่เหมาะสม
  • สามารถทำแหวนแบบ Custom ได้หลากหลายแบบ
  • ปรับลดไซซ์ได้ง่ายกว่าแบบอื่นๆ ถ้าเป็นแบบที่ท้องแหวนเรียบๆ
  • ทำให้มองเห็นเพชรหรือพลอยได้อย่างเด่นชัด

ข้อเสีย ของแหวนเพชรเรียง

  • อาจต้องทำความสะอาดบ่อยกว่าแบบแหวนเพชรเม็ดเดี่ยว
  • ถ้าเลือกเพชรเม็ดข้างไม่ดี อาจลดความเด่นของเพชรเม็ดกลางลงได้

12. แหวนเพชรทรงวินเทจ (Antique/Vintage Setting)

แหวนเพชรทรงวินเทจ

แบบแหวนเพชรทรงวินเทจ มีหลากหลายสไตล์ โดยเป็นงานที่ผลิตขึ้นให้ดูคล้ายกับแหวนเพชรในสมัยก่อน ย้อนไปตั้งแต่ยุคที่ศิลปะเฟื่องฟู อาทิ Art Deco, Edwardian หรือ Victorian ซึ่งมักจะเน้นไปที่รายละเอียดของลวดลายตัวเรือนเป็นหลัก

ซึ่งถ้าพูดถึงแหวนเพชรทรงวินเทจในบ้านเรา ก็มีความโดดเด่นไม่น้อยหน้าเมืองนอก โดยเฉพาะแหวนทองทรงดอกไม้ต่างๆ เช่น แหวนดอกพิกุล หรือถ้าเป็นแหวนที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ให้ผลดีต่อผู้สวมใส่โดยตรงก็คือ แหวนนพเก้า

ข้อดี ของแหวนเพชรทรงวินเทจ

  • ทำให้ผู้สวมใส่ดูมี Character ที่โดดเด่นในทันที
  • งานตัวเรือนส่วนใหญ่ จะมีความละเอียดและอ่อนช้อย
  • หากออกแบบมาเป็นอย่างดี จะช่วยเสริมให้เพชรเม็ดกลางดูยิ่งใหญ่
  • ย้อนเวลานึกถึงวันวาน ที่มีเรื่องราวดีๆ ของผู้ใส่ หรือเพื่อให้เข้ากับสไตล์

ข้อเสีย ของแหวนเพชรทรงวินเทจ

  • แหวนต้องได้รับการถนอมเป็นอย่างดี เพราะมีรายละเอียดเยอะ
  • หากแหวนออกแบบมาไม่ดี จะทำให้เพชรดูไม่โดดเด่น
  • ถ้าคิดจะนำแหวนเก่าสมัยก่อนมาใส่เพชรใหม่ ต้องดูแลเป็นอย่างดีไม่ให้เพชรหลุดไปได้

13. แหวนเพชรแบบกลุ่ม (Cluster Setting)

แหวนเพชรแบบกลุ่ม

แบบแหวนเพชรกลุ่ม คือ การนำเพชรมาฝังรวมกันเป็นกลุ่มก้อน ให้ดูราวกับเป็นเพชรเม็ดใหญ่เม็ดเดียว ซึ่งจริงๆ แล้วอาจประกอบด้วยเพชรกลางเม็ดใหญ่ หรือเป็นเพชรเม็ดเล็กทั้งหมดก็ได้

แหวนประเภทนี้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสวมใส่เพชรเม็ดใหญ่แต่มีงบจำกัด เพราะการลงทุนซื้อเพชรเม็ดใหญ่เม็ดเดียว จะมีมูลค่ามากกว่าการซื้อเพชรเม็ดเล็กๆ มารวมกันหลายเท่าตัว เมื่อเทียบกับเพชรคุณภาพเดียวกัน

ข้อดี ของแหวนเพชรแบบกลุ่ม

  • เมื่อเพชรเล็กมารวมกัน จะทำให้ดูเผินๆ แล้วเหมือนเพชรมีขนาดใหญ่มหึมา
  • ให้ลุคที่ดูพิเศษ เพิ่มมิติและความละเอียดของแหวนเพชรได้ดี
  • ประหยัดกว่าซื้อเพชรเม็ดใหญ่เม็ดเดียว
  • สั่งทำแหวนเพชรแบบพิเศษให้มีรูปแบบตามที่ต้องการได้
  • เหมาะกับผู้ที่มีนิ้วมือที่เรียวเล็ก

ข้อเสีย ของแหวนเพชรแบบกลุ่ม

  • ต้องทำความสะอาดบ่อยหน่อย เพราะมีจำนวนเพชรและช่องเยอะ
  • เพชรเม็ดเล็กมีโอกาสหลุดได้ หากช่างฝังเพชรไม่เรียบร้อย

14. แหวนเพชรรอบวง (Eternity Band)

แหวนเพชรรอบวง

แหวนเพชรครึ่งวง หรือ แหวนเพชรรอบวง เป็นแหวนที่คนนิยมซื้อเพื่อสวมใส่เป็นแบบแหวนเพชรแต่งงานผู้หญิง หรือในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น วันครบรอบ วันเกิด หรือ วันวาเลนไทน์

ชาวต่างประเทศ มักจะเรียกแหวนชนิดนี้ว่า Eternity Band เพราะการที่มีเพชรล้อมอยู่รอบตัวเรือนเป็นวงกลม ก็เปรียบเสมือนกับความรักที่เดินทางไปเรื่อยๆ แบบไม่มีวันสิ้นสุดแบบอมตะนิรันดร์กาล

ข้อดี ของแหวนเพชรรอบวง

  • แหวนเพชรจะดูมีประกายทั้งรอบนิ้ว สามารถมองเห็นเพชรได้จากทุกมุม
  • เพิ่มลุคให้ดูโดดเด่น ทำให้ผู้สวมใส่ดูมีเอกลักษณ์ แทนที่จะเป็นแหวนแบบเรียบๆ
  • สามารถสวมใส่ควบคู่กับแหวนอื่นๆ เช่น แหวนหมั้น หรือแหวนแต่งงานได้พร้อมกัน
  • ออกแบบด้วยเทคนิคการฝังต่างๆ ได้ อาทิ ฝังหุ้ม หรือฝังสอด
  • ยึดเพชรเม็ดเล็กให้อยู่กับที่ได้อย่างแน่นหนา

ข้อเสีย ของแหวนเพชรรอบวง

  • การปรับเพิ่ม-ลดขนาดแหวนทำได้ยากมาก (ส่วนมากจะไม่ทำกัน)
  • ต้องทำความสะอาดบ่อย เพราะมีร่องระหว่างเพชร ฝุ่นอาจเข้าไปเกาะได้

15. แหวนเพชรแบบก้านแยก (Shank/Split Setting)

แหวนเพชรแบบก้านแยก

แหวนเพชรแบบก้าน เป็นแบบแหวนเพชรที่เล่นดีไซน์ส่วนก้านของเพชร ให้แยกออกเป็นสองส่วนแล้ววิ่งมาประจบกัน โดยที่ก้านของแหวนแบบนี้มักจะใช้เพชรกลมในการประดับ แต่ถ้าใส่เพชรแฟนซีก็จะทำให้ดูแตกต่างยิ่งขึ้น

แหวนเพชรทรงนี้ เหมาะกับผู้ที่มีนิ้วมือเล็กเรียว เพราะจะทำให้นิ้วของผู้สวมใส่ดูอวบอิ่มและสมส่วนมากขึ้น

ข้อดี ของแหวนเพชรแบบก้าน

  • ทำให้นิ้วมือของผู้สวมใส่ดูโดดเด่นขึ้นมาทันที ใครเห็นก็ต้องมอง
  • เพิ่มพื้นที่ด้านข้างตัวเรือน ให้สามารถใส่เพชรเม็ดเล็กได้มากขึ้น
  • ดึงดูดทุกสายตาให้มองไปที่เพชรเม็ดกลาง ทำให้ดูแล้วเด่นชัด
  • สามารถออกแบบแหวนเพชร ให้ดูโมเดิร์นหรือคลาสสิกก็ได้

ข้อเสีย ของแหวนเพชรแบบก้าน

  • ต้องดูแลทำความสะอาดบ่อย เพราะตัวเรือนมีรายละเอียดเยอะ
  • แบบแหวนเพชรอาจจะไม่เพรียวบาง จึงไม่เหมาะกับคนที่มี Active Lifestyle

สรุป: เลือกแบบแหวนเพชร ที่เข้ากับ Lifestyle คุณ

การเลือกแบบแหวนเพชรที่ดี ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ต้องตัดสินใจให้ได้เป็นอันดับแรก เพราะจะเป็นสิ่งที่กำหนดดีไซน์และการเลือกเพชรทั้งหมด

ส่วนการที่คุณจะเลือกแบบไหนสไตล์อะไรก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว หรือ Lifestyle ของคุณล้วนๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครบอกได้นอกจากตัวคุณเอง

แหวนเพชรแบบหนึ่ง อาจจะเหมาะกับคนที่ต้องทำงานด้วยมือเป็นหลัก ในขณะที่แหวนเพชรอีกแบบ อาจจะเหมาะกับคนที่ต้องออกงานสังคมบ่อย

อีกข้อที่คุณควรพิจารณา คือ เรื่องการทำความสะอาดแหวนเพชร เพื่อให้แหวนเพชรของคุณดูมีสง่าราศีตลอดเวลา เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกแหวนเพชรแบบไหน เมื่อใส่ไปเรื่อยๆ ก็ต้องมีการทำความสะอาดอยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าบางแบบทำความสะอาดยากง่ายเท่านั้นเอง

เมื่อคุณสามารถเลือกแบบแหวนเพชร หรือแบบแหวนแต่งงานที่ถูกใจได้แล้ว คุณก็ควรหาเพชรเม็ดงามมาประดับเพื่อให้เข้ากับตัวแหวนได้ดีที่สุด ซึ่งถ้าคุณต้องการให้เราช่วยคัดสรรเพชรในฝันเม็ดนั้นให้ สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเรา เพื่อช่วยเลือกเพชรน้ำงาม ในราคาที่เหมาะสมได้

อ่านเพิ่มเติม: 3 วิธีดูเพชรแท้ เพชรเทียม แบบชัวร์ๆ ให้คุณดูเพชรได้ทุกแบบ

อโบฟยินดีให้บริการคุณเสมอ

พูดคุยกับนักอัญมณีอโบฟไดมอนด์

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน กรุณาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก