อัพเดทล่าสุด 12/02/2024 โดย Above Diamond
คุณกำลังสับสนระหว่าง ทองคำขาว ทองขาว กับแพลทินัม อยู่หรือเปล่า?
เมื่อพูดถึง ทองคำขาว ทองขาว แพลทินัม ทอง 90% ทอง 18K ฯลฯ อาจทำให้ใครหลายคนเกิดความสับสน ว่าอันไหนดีกว่ากัน?
นอกจากนี้ ยังมีหลายคนที่กำลังเข้าใจผิดคิดว่า ทองขาว กับ แพลทินัม เป็นวัสดุเดียวกัน เพราะดูจากภายนอกมีสีขาวๆ เงินๆ เหมือนกัน
แต่ไม่เหมือนกัน…
เพราะถึงแม้ว่าทั้งสองวัสดุจะมีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกันมาก แต่ความจริงแล้วมีส่วนประกอบต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งรวมไปถึงความแตกต่างด้านราคาที่แตกต่างกันพอสมควร
ยิ่งไปกว่านั้น ไปช่วงหลังๆ มักจะได้ยินหลายคนพูดถึงวัสดุพิงค์โกลด์ หรือโรสโกลด์อยู่บ่อยๆ แล้วสรุปว่ามันทำมาจากอะไร? ต่างจากทองคำปกติอย่างไร?
ในบทความนี้ เราจะมาไขทุกข้อข้องใจ ให้คุณทราบถึงความแตกต่างของวัสดุแต่ละชนิด รวมถึงอธิบายข้อดี-ข้อเสียของทองคำแต่ละแบบ เพื่อให้คุณเข้าใจอย่างละเอียด และสามารถนำไปประกอบการตัดสินใจในการซื้อเครื่องประดับเพชรในอนาคตได้
ทอง 18K คืออะไร? ต่างจากทอง 90% อย่างไร?
เราจะเริ่มอธิบายให้คุณเข้าใจ เกี่ยวกับเรื่องเปอร์เซ็นต์ทองกันก่อน เพราะดูเหมือนว่าจะมีหลายท่านที่ไม่เข้าใจ ถึงขนาดที่บางท่านคิดว่าทอง K เป็นของปลอม ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เลย
K ย่อมาจากคำว่า Karat ซึ่งเป็นหน่วยสากลในการวัดเปอร์เซ็นต์ทอง ต่างจาก Carat ซึ่งเป็นหน่วยสำหรับใช้วัดน้ำหนักกะรัตของเพชรพลอย โดยทองคำแต่ละ K จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามเปอร์เซ็นต์ทองที่ใช้ โดยการนำมาหาร 24 เช่น:
- 24K = ทองคำ 99.99% (นิยมใช้ลงทุนทองคำแท่งทั่วโลก)
- 23K = ทองคำ 96.5% (นิยมใช้ในแหวนทอง แบบไม่ประดับเพชร)
- 18K = ทองคำ 75% (มาตรฐานแหวนเพชร Fine Jewelry ที่ใช้ในแบรนด์ European High-End)
- 14K = ทองคำ 58.3% (นิยมใช้ในงานแหวนเพชร USA)
- 9K = ทองคำ 37.5% (นิยมใช้ในงานแหวนเพชรราคาถูก)
ส่วนเปอร์เซ็นต์ที่เหลือนอกเหนือจากธาตุทองคำ นั่นก็คือโลหะ Alloy ต่างๆ ที่จะทำให้เครื่องประดับทองคำนั้นสามารถคงตัวอยู่ได้อย่างแข็งแรง เช่น เงิน (Silver) นิกเกิล (Nickel) ทองแดง (Bronze) และโรเดียม (Rhodium)
ทำไมแหวนเพชร ไม่ใช้ทอง 96.5%?
นั่นเป็นเพราะทอง 96.5% มีเนื้อทองมากเกินไป จึงทำให้เครื่องประดับมีเนื้อนิ่ม และบิดเบี้ยวได้ง่าย จึงไม่สามารถใช้ในงานตัวเรือนฝังเพชรพลอยได้เลย เพราะจะทำให้ยึดเกาะอัญมณีไว้ไม่อยู่ ทำให้เพชรพลอยมีโอกาสหลุดหายได้ง่าย
หากคุณกำลังใส่สร้อยทองที่ซื้อจากร้านทอง ให้ลองสังเกตง่ายๆ ตรงส่วนตะขอที่ทำจากทอง 96.5% จริงๆ เมื่อคุณใส่ไปนานๆ สิ่งที่มักจะพบเจอ คือตะขอบิ่นจากการที่คุณถอดเข้าถอดออกทุกวัน
สรุปว่าทอง 18K หรือทอง 75% คือทองคำคุณภาพสูงและเหมาะสมที่สุด สำหรับงานแหวนทองฝังเพชร หรือเครื่องประดับเพชรอื่นๆ เพราะมีมูลค่าในตัวเองสูง และที่สำคัญมีความแข็งแรง ทนทานมากกว่าทอง 96.5% เหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน
ทอง 18K เวลาขายคืน ราคาตกเยอะจริงไหม?
เนื่องจากทองคำ 18K เป็นทองแท้ จึงมีมูลค่าในตัวเองสูงอยู่พอสมควร เมื่อคุณนำไปขายคืนก็จะคิดมูลค่าอยู่ที่ 75% ของราคาทองในวันนั้น (Mark-to-Market) ซึ่งหากมาคำนวณเทียบกับทอง 96.5% จริงๆ ถือว่าต่างกันเล็กน้อย แตกต่างกับการซื้อมือถือยี่ห้อดัง หรือรถหรูมือหนึ่ง เพราะคุณจะมีโอกาสขาดทุนเยอะกว่าจากการเสื่อมราคา (Depreciation)
ซื้อทอง 14K หรือ 9K ประหยัดกว่าไหม?
เนื่องจากทอง 14K และ 9K มีส่วนผสมของทองคำเพียง 58.3% และ 37.5% ตามลำดับ จึงมีราคาถูกกว่ามาก และนิยมใช้กันในงานแหวนเพชรราคาถูก เพื่อลดต้นทุนของผู้ผลิต
แต่เมื่อสวมใส่ทองเหล่านี้ไปได้สักระยะหนึ่ง คุณจะพบเจอ 2 ปัญหาหลักๆ คือ อาการทองซีด และ อาการทองกรอบ เพราะโลหะอื่นๆ ที่ผสมอยู่จำนวนมาก จะทำปฏิกิริยากับสภาพแวดล้อมไปเรื่อยๆ จนทำให้เครื่องประดับเพชรของคุณมีรอยแตกรอยร้าว หรือรอยหัก ซึ่งยากที่จะซ่อมแซมให้กลับมามีสภาพเหมือนเดิม
อ่านเพิ่มเติม: 3 เคล็ดลับเลือกซื้อ แหวนแต่งงานผู้ชาย เซอร์ไพรส์คนพิเศษ!
แพลทินัม (Platinum) คืออะไร?
แพลทินัม เป็นหนึ่งในโลหะที่มีมูลค่าสูงเกือบจะที่สุดในตารางธาตุ และมักจะใช้ส่วนผสมประมาณ 90-98% ในการผลิตจิวเวลรี่ เมื่อดูภายนอกจะสวยงามเหมือนกับทองขาวมาก อีกทั้งยังมีความคงทนสูงกว่ามาก และจะยังคงดูสวยงามเหมือนเดิม หากคุณทราบวิธีการดูแลอย่างถูกต้อง
หากคุณกำลังตัดสินใจจะซื้อแหวนเพชรแพลทินัม นี่คือข้อดี-ข้อเสียที่คุณควรพิจารณา:
ข้อดี แพลทินัม
- มีโอกาสแพ้ของผิวน้อย (Hypoallergenic)
- เป็นวัสดุที่หายากกว่าทองคำ
- เป็นสัญลักษณ์แสดงความสูงส่ง (คล้ายกับบัตรเครดิตแพลทินัม)
- มีความแข็งแรงกว่าทองขาว เป็นรอยยาก
- มีสีที่ดูแล้วนุ่มลึกเป็นธรรมชาติมากกว่า White Gold
- ไม่มีอาการลอกตลอดชีพ จึงไม่ต้องนำไปขัดชุบบ่อยๆ
- เหมาะกับผู้สวมใส่ที่มีผิวขาว เช่น คนเชื้อสายจีน และฝรั่ง
ข้อเสีย แพลทินัม
- ราคาสูงกว่าทองขาว 30-50% (เมื่อนำมาทำเครื่องประดับ)
- เพิ่ม-ลดไซซ์แหวนได้ยาก เนื่องจากวัสดุมีความเหนียว จึงมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
ทองขาว VS แพลทินัม
เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกวัสดุตัวเรือนให้กับแหวนเพชรเม็ดงามของคุณ หลายคนมักจะมีคำถามว่าควรจะเลือกวัสดุอะไรดีระหว่าง ทองขาวกับแพลทินัม?
ความแตกต่างหลักของวัสดุทั้งสองหลักๆ จะเรื่องแร่ธาตุ ความคงทน และราคา ที่ถึงแม้ว่าเมื่อดูจากภายนอกแล้วทั้งสองจะมีความคล้ายคลึงกันมาก เรียกได้ว่าดูแล้วแทบจะเหมือนกันเกิน 90% โดยแหวนทองขาวจะต้องผ่านการชุบโรเดียมเพื่อให้มีลักษณะภายนอกที่ดูเงา ในขณะที่แพลทินัมจะเป็นเนื้อวัสดุจริงที่มีความขาวเงาคงทนอยู่แล้ว และจะมีสีที่มืดกว่าเล็กน้อย ให้ความรู้สึกเป็นสีแบบ Deep White Tone ซึ่งดูแล้วมีความเป็นธรรมชาติไม่น้อย
บางคนนิยมเรียกแพลทินัมว่า ทองคำขาว เพื่อไม่ให้ซ้ำกับ ทองขาว แต่กลายเป็นการสร้างความสับสนมากกว่าเดิม ทางที่ดีควรเรียกแพลทินัมไปตามชื่อเลย เพราะแพลทินัมก็คือแร่แพลทินัม (Pt) ส่วนทองคำก็คือแร่ทองคำ (Au) ซึ่งเป็นธาตุคนละชนิด ที่มีลักษณะเฉพาะตัวแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ทองขาว VS แพลทินัม: ส่วนผสม
สำหรับเปอร์เซ็นต์ทองคำที่ใช้ในเครื่องประดับเพชรในเมืองไทย จะมีมาตรฐาน (Industry Standard) อยู่ที่ 18K ซึ่งจะมีเปอร์เซ็นต์ทองคำ และมูลค่ามากกว่าที่นิยมใช้กันในสหรัฐอเมริกาที่ 14K
สำหรับแพลทินัมที่นิยมโดยทั่วไปจะนิยมใช้เป็น Platinum 90% หรือ Platinum 95% ซึ่งถ้าให้แนะนำให้คุณเลือกเป็น 90% จะเหมาะสมกว่า เพราะเมื่อนำมาขึ้นเรือนแหวนจะมีโอกาสเป็นรูพรุนได้น้อยกว่า 95% ซึ่งรูพรุนเหล่านี้จะส่งผลให้แหวนมีโอกาสชำรุดได้สูงกว่า
ทองขาว VS แพลทินัม: การดูแล
เมื่อคุณสวมใส่เครื่องประดับแพลทินัม เรียกได้ว่าคุณสามารถสบายใจได้ไปตลอดชีวิต เพราะแพลทินัมเป็นวัสดุที่มีความทนทานสูงกว่าทองขาว 18K มาก จึงไม่ต้องดูแลมากในระยะยาว อีกทั้งสีของวัสดุจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
สำหรับทองขาว 18K คุณอาจพบว่าจะเกิดรอยขีดข่วนง่ายกว่า จึงต้องนำไปขัดชุบทุกๆ 3-5 ปี (ในกรณีที่สวมใส่เป็นประจำแบบสมบุกสมบัน) ส่งผลให้ต้นทุนในการดูแลทองขาว 18K สูงกว่าในระยะยาว เพราะต้องหมั่นทำความสะอาดและขัดเงาเรื่อยๆ บ่อยกว่าทองคำ เพื่อให้คงพื้นผิวที่เรียบเนียนสวยงามเอาไว้เหมือนเดิม
ทองขาว VS แพลทินัม: ราคา
ความแตกต่างที่คุณสามารถเห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ ราคาของแพลทินัมที่สูงกว่าทองขาวมากกว่าเยอะในระดับ 30-50%
ถ้าให้วิเคราะห์ในเชิงเศรษฐศาสตร์ คุณจะพบว่าเมื่อเทียบราคาของวัสดุทั้งสองต่อกรัม ถือว่าไม่แตกต่างกันมากนัก แต่เมื่ออธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ การผลิตแหวนแพลทินัมสักวงจำเป็นต้องใช้แร่ธาตุจำนวนเยอะกว่า เนื่องจากเป็นธาตุที่มีความหนาแน่นมากกว่า
ในแง่ของการผลิต แพลทินัมมีจุดหลอมเหลวสูงกว่าที่อุณหภูมิ 982°C ในขณะที่ ทองขาวจะอยู่ที่อุณหภูมิ 732°C เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้ไฟที่ร้อนกว่าในการหลอมแพลทินัม เนื่องจากมีความทนทานสูงมาก
อีกทั้งยังต้องสร้างห้องพิเศษสำหรับการผลิต ซึ่งช่างจะให้ช่างผลิตแพลทินัมมาผลิตในห้องเดียวกับช่างทองหรือเงินไม่ได้ จึงทำให้กระบวนการแหวนแพลทินัมมีราคาสูงกว่าแหวนทองขาว
หากคุณชื่นชอบในความคงทนของแพลทินัม และไม่ต้องการกังวลเรื่องการดูแลในระยะยาว แหวนแพลทินัมก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย แต่หากงบประมาณมีจำกัดแหวนทองขาวก็อาจเพียงพอสำหรับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน
ทองคำทั้ง 3 สี
เมื่อถึงเวลาต้องเลือกวัสดุทองคำ คุณจะสังเกตได้ว่ามีอยู่ตัว 3 ตัวเลือก:
- ทองขาว (White Gold)
- ทองคำ (Yellow Gold)
- โรสโกลด์/พิงค์โกลด์ (Rose Gold/Pink Gold)
ทองขาว (White Gold) คืออะไร?
ทองขาว เป็นอัลลอย (Alloy) หรือโลหะผสมชนิดหนึ่ง ที่ผลิตมาจากการรวมตัวของทองคำเพียวๆ บวกกับโลหะที่มีเนื้อสีขาว เช่น นิกเกิล (Nickel) เงิน (Silver) และแพลเลเดียม (Palladium)
ข้อดี ทองขาว
- ประหยัดกว่าแพลทินัมมาก
- มีความทนทานมากกว่าทองคำ เพราะมีส่วนผสมของโลหะที่แข็งแรงกว่า
- ได้รับความนิยมมากกว่าทองคำ โดยเฉพาะสำหรับแหวนเพชร
- เพชรที่อยู่บนแหวนเพชรทองขาว จะดูขาวกว่าเพชรที่อยู่บนแหวนเพชรทองคำ
- เหมาะกับผู้สวมใส่ที่มีผิวขาว เช่น คนเชื้อสายจีน และฝรั่ง
ข้อเสีย ทองขาว
- อาจจะต้องนำมาชุบโรเดียมใหม่ทุกๆ 3-5 ปี เพื่อให้ดูเสมือนใหม่ โดยมีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย แต่ไม่สูงเท่าแพลทินัมแน่นอน
ทองคำ (Yellow Gold) คืออะไร?
ทองคำ ที่ใช้สำหรับเครื่องประดับสวมใส่ ผลิตมาจากทองคำเพียวๆ บวกกับทองแดง (Copper) และสังกะสี (Zinc)
อย่างที่คุณได้ทราบดีแล้ว ว่ายิ่งทองคำมี K มากเท่าไร ก็จะยิ่งมีส่วนผสมของทองคำมาก
ข้อดี ทองคำ
- มีโอกาสแพ้ของผิว (Hypoallergenic) น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับทองคำทั้ง 3 สี
- เคยได้รับความนิยมมากที่สุดในแหวนเพชรสมัยก่อน จึงเหมาะกับงานแหวนเพชรสไตล์วินเทจ
- เป็นสีทองคำที่ดูธรรมชาติมากที่สุด เพราะมีสีเหลือง
- ดูแลง่ายได้ที่สุด ในทองทั้ง 3 สี
- เพิ่ม-ลดไซซ์แหวนได้สะดวกที่สุด เพราะมีเนื้อนิ่มกว่า
- ทำให้เพชรน้ำรอง (น้ำต่ำกว่า 92%) ดูขาวขึ้นได้
- เหมาะกับผู้สวมใส่ที่มีผิวเข้ม เช่น คนเชื้อสายไทย และแขกฝั่งเอเชีย
ข้อเสีย ทองคำ
- บางท่านอาจไม่ชอบใส่แหวนสีเหลือง
โรสโกลด์/พิงค์โกลด์ (Rose Gold/Pink Gold) คืออะไร?
โรสโกลด์ หรือ พิงค์โกลด์ เป็นคำที่ใช้เรียกทองคำที่มีเนื้อแดงอมชมพู ซึ่งจริงๆ แล้วมีความหมายไม่ต่างกัน จึงนิยมเรียกสลับกันไปมา
ส่วนผสมหลักที่จะทำให้โรสโกลด์ดูมีสีชมพู คือ ทองแดง (Copper) ซึ่งหากยิ่งใส่ทองแดงมากเท่าไร ก็จะทำให้ทองคำดูมีสีแดงมากขึ้นเท่านั้น โดยปกติส่วนผสมที่นิยมใช้กันในโรสโกลด์ 18K คือ ทองคำ 75% และทองแดง 25%
ข้อดี โรสโกลด์
- ได้รับความนิยมอย่างมาก ในกลุ่มวัยรุ่นและคนวัยทำงานยุคใหม่
- เป็นทองคำที่ดูโรแมนติก เพราะมีสีแดงอมชมพู
- มีความทนทานสูงสุด ในทองคำทั้ง 3 สี เพราะมีส่วนผสมของทองแดง
- เหมาะกับผู้สวมใส่ทุกสีผิว
ข้อเสีย โรสโกลด์
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ทองแดง
สรุป: เลือกสีทองสีไหน ขึ้นอยู่กับคุณ
สำหรับท่านที่ยังตัดสินใจอยู่ ระหว่างทองขาวกับแพลทินัม แนะนำให้ลองพิจารณาดูข้อดีข้อเสียอีกรอบ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้เลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับคุณที่สุด
แหวนแพลทินัม ถึงแม้ว่าจะมีราคาที่สูงกว่า และปรับไซซ์แหวนได้ยากกว่า แต่ในแง่ความคงทน และการดูแลรักษา ก็อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความสบายใจในระยะยาว
ส่วนแหวนทองขาว ถึงแม้ว่าจะมีความทนทาน และเป็นรอยได้ง่ายกว่าแพลทินัม แต่หากในอนาคตคุณมีน้ำหนักที่มากขึ้นหรือลดลง ก็สามารถนำแหวนไปปรับไซซ์นิ้วได้อย่างไร้กังวล
ส่วนการเลือกสีทองคำ สำหรับแหวนเพชรวงต่อไปของคุณ ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องของสไตล์ล้วนๆ เป็นสิ่งที่แนะนำกันได้ยาก
ในการเลือกซื้อแหวนเพชรสักวง คุณอาจต้องใช้เวลาในการตัดสินใจพอสมควร และหากคุณต้องการรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อเราตอนนี้ เพื่อให้เราช่วยคุณค้นหาเพชรน้ำงาม ในแบบที่ใครๆ ก็ต้องเหลียวมอง ภายในงบประมาณที่เหมาะสมได้
อ่านเพิ่มเติม: 15 แบบแหวนเพชร เจาะลึกทุกสไตล์ฮิต ที่คุณจำเป็นต้องรู้ตอนนี้