อัพเดทล่าสุด 30/03/2022 โดย Wit Sudjaiampun
เพชรดี มณีแดง เขียวใสแสง ‘มรกต’ ” หลายๆคนคงจะคุ้นเคยกันดีกับแร่มณีนพเก้าอันเป็นมงคลของเมืองไทย และยิ่งนึกภาพตามอัญมณีที่เปล่งแสงสีเขียวสวยออกมา ก็ยิ่งรู้สึกหลงใหล ใครสวมใส่ก็ดูสวยสง่า ด้วยสีเขียวใสงามจับตาไม่เหมือนใคร
“มรกต” หรืออัญมณีสีเขียว เป็นที่รู้จักกันดีของเหล่านักสะสมอัญมณี ว่าสามารถเปล่งแสงสีเขียวออกมาได้ไม่เหมือนกับอัญมณีสีอื่นๆ หลายคนมักเก็บสะสมไว้เป็นเครื่องประดับชิ้นคลาสสิค ช่วยขับผิวของคุณให้ยิ่งโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นสีผิวใด
ในบทความนี้ เราจึงอยากมาเล่าเรื่องราวของอัญมณีมรกตถึงความเป็นมา ต้นกำเนิด วิธีการเลือกซื้อ และวิธีสวมใส่แบบที่สวยที่สุด ไม่ว่าคุณจะสงสัยสิ่งใดเกี่ยวกับอัญมณีสีเขียวนี้ ในวันนี้เรามีคำตอบให้ครับ
ที่มาของมรกต
มรกต คือแร่เบริล (Beryl) ชนิดหนึ่งที่มีสีเขียว (แร่เบริลมีหลายสี ถ้าหากเป็นสีชมพูจะเรียกว่ามอร์แกไนต์ แต่ถ้าหากเป็นสีฟ้าจะเรียกแร่ชนิดนี้ว่า Aquamarine) โดยสีเขียวของแร่นี้นั้นเกิดขึ้นได้ก็จากการปนเปื้อนแร่โครเมียมและวานาเดียม นอกจากนี้ มรกตยังเป็นอัญมณีที่มีมูลค่ามากที่สุดในบรรดาแร่เบริลด้วยกัน รวมถึงเป็นหนึ่งในอัญมณีล้ำค่าของโลกด้วย
อัญมณีมรกตส่วนใหญ่มักมาพร้อมกับตำหนิเสมอ การจะพบอัญมณีสีเขียวที่ไร้ตำหนิเลยถือว่าเป็นเรื่องหายากมากๆและมีราคาสูง แต่เนื่องจากคุณลักษณะการต้องมีตำหนิ ทำให้นักสะสมอัญมณีส่วนใหญ่มักเลือกซื้อชิ้นที่มีตำหนิเล็กน้อย ดีกว่าแบบที่ไม่มีตำหนิเลย จะได้มั่นใจว่าเป็นของแท้ครับ
แม้ว่าประเทศโคลอมเบียอาจเรียกได้ว่าเป็นแหล่งผลิตมรกตที่มีคุณภาพสูงที่สุดอยู่ตามเดิม ด้วยความชัดของสีเขียวที่เข้มข้น แต่ในปัจจุบันเริ่มมีการผลิตและขุดเหมืองแห่งใหม่ในประเทศแซมเบีย ที่มีสีเขียวเข้มเช่นกันและยังมีตำหนิที่น้อยกว่า
รูปแบบของมรกต
มรกตมีสีเขียวและมีลักษณะการเรียงตัวของผลึกเป็นรูปแบบหกเหลี่ยม โดยปกติมีสีใสหรือโปร่งแสง
อย่างไรก็ดี ยังมีมรกตหายากอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เรียกว่า “Trapiche Emerald” ที่การเรียงตัวของคริสตัลจะไม่ได้เป็นรูปแบบหกเหลี่ยมแต่จะเรียงตัวแตกออกไปเป็นแฉกๆเหมือนดาว โดยพื้นที่รอบๆจะมีการแทรกตัวของธาตุคาร์บอนอันเป็นตัวกำหนดรูปแบบดาวให้ Trapiche Emerald นั่นเอง
Trapiche Emerald พบได้เพียงที่เหมือง Boyaca Emerald ในประเทศโคลัมเบียเท่านั้น และมักนำไปขัดวาวให้มีรูปทรงแบบหลังเบี้ย หรือที่เรียกว่า Cabochon ครับ
ความเชื่อเกี่ยวกับมรกต
ด้วยสีเขียวของมรกต จึงทำให้มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของดาวพุธอันส่งผลดีกับเรื่องการเรียน ธุรกิจ และการเขียน ถ้าหากคุณเชื่อเรื่องโชคชะตาและยึดถือดาวพุธเป็นดาวประจำตัว ก็ควรสวมใส่เพื่อเสริมโชคลาภและความมั่งมีครับ
อ่านเพิ่มเติม: แหวนนพเก้า ความหมาย ความเชื่อ และเรื่องราวกว่า 100 ปี
การสวมใส่
มรกตเป็นอัญมณีที่มีความโดดเด่นในตัวมันเองเนื่องจากสีที่ไม่เหมือนกับอัญมณีชนิดอื่นใด ทำให้หากคุณอยากสวมใส่อัญมณีชนิดนี้ “ความเรียบง่าย” คือหลักสำคัญในการแต่งตัวครับ
คุณสามารถตกแต่งเครื่องประดับมรกตของคุณด้วยเพชรเม็ดเล็กๆหรือเพชรล้อมให้ดูเด่นยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยความเด่นเช่นนี้ เสื้อผ้าที่เหมาะแล้วก็ควรเป็นเสื้อผ้าเรียบเรียบๆหรือเสื้อผ้าสีเข้ม ถึงจะเข้ากับสีเขียวของอัญมณีชนิดนี้ได้ดี ถ้าหากคุณแต่งตัวจัดเกินไป เช่นใส่เสื้อผ้าลายหรือเสื้อผ้าสีสันสดใส หรือแม้แต่ใส่เครื่องประดับเยอะเกิน ก็อาจทำให้ทุกอย่างดูเด่นเกินไปหมด ทำให้เครื่องประดับสีเขียวชิ้นสวยของคุณสูญเสียความโดดเด่นไปได้
การแต่งหน้าก็เช่นกัน ให้คุณเลือกแต่งหน้าโทนเรียบหรูดูคลาสสิกและสง่างาม ไม่ต้องทาปากสีจัดจ้านเกินไปหรือแต่งตาดำขลับ ให้แต่งหน้าแต่พองาม แล้วใช้เครื่องประดับชิ้นนี้เป็นพระเอกของวัน เพียงเท่านี้คุณก็ดูโดดเด่นกว่าใครแล้วครับ
แล้วถ้าหากคุณจะเลือกเครื่องประดับที่เข้ากันกับสีเขียวของอัญมณี ก็ควรเลือกเครื่องประดับเพชรที่ตัวเรือนเป็นสีเงิน จะช่วยขับความสว่างไสวของอัญมณีให้เด่นยิ่งขึ้นอีก
นอกจากนี้ ผู้คนก็มักใส่มรกตกันในโอกาสพิเศษเท่านั้น ไม่ได้ใส่ในทุกวันเนื่องจากความพิเศษของสีที่ดูโดดเด่น จึงเหมาะสำหรับวันที่คุณต้องไปออกงานแต่อยากแต่งตัวเรียบหรู ก็สามารถใส่แหวนเพชรล้อมมรกตเพื่อจบลุคได้อย่างสวยงาม
อ่านเพิ่มเติม: ชุดเครื่องเพชร ออกงาน ใส่อย่างไรให้สวย ไม่ดูมีอายุ!
วิธีเลือกซื้อมรกต
เช่นเดียวกันกับวิธีการเลือกซื้อเพชร เวลาที่คุณเลือกซื้อมรกตก็จะต้องตั้งอยู่บนหลักการ 4Cs แม้จะเป็นหลักการที่คล้ายๆกัน แต่กลับมีการให้น้ำหนักความสำคัญของแต่ละปัจจัยที่แตกต่างจากหลัก 4Cs ของเพชรครับ
งั้นไปดูกันเลยดีกว่าว่า หลัก 4Cs สำหรับอัญมณีสีเขียวชนิดนี้จะมีข้อใดบ้าง โดยเราจะไล่เรียงจากปัจจัยที่สำคัญที่สุดก่อนครับ
1. น้ำ/สี (Color)
แทบไม่ต้องเดาเลยครับว่าสีของมรกตถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในหลักการ 4Cs เพราะสิ่งที่ทำให้อัญมณีประเภทนี้โดดเด่นที่สุดจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากสีเขียวใสของมันนั่นเอง และสำหรับการดูคุณภาพสีในอัญมณีสีสันต่างๆ ก็จะแบ่งได้อีกเป็น 3 ประเภท นั่นก็คือ เฉดสี (Hue), ความสว่างของสี (Tone), และความเข้มของสี (Saturation) โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ
เฉดสี (Hue): เฉดสีจะบ่งบอกลักษณะของสีเขียวที่มรกตเม็ดนั้นๆมี โดยอาจเป็นสีเขียวอมเหลืองหรือสีเขียวอมน้ำเงินก็ได้ และส่วนใหญ่ในตลาดปัจจุบันมักมาจากประเทศโคลอมเบีย ซึ่งจะมีสีเขียวอมน้ำเงินครับ
ความสว่างของสี (Tone): ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวเข้มหรือสีเขียวอ่อน โดยถ้าเป็นมรกตตามธรรมชาติก็อาจจะมีสีได้หลากหลาย ตั้งแต่สีเขียวอ่อนมากไปจนถึงสีเขียวเข้มมากๆ โดยคนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าการเลือกอัญมณีที่มีสีเขียวปานกลางไปจนถึงสีเขียวเข้มจะดีกว่า แต่อันที่จริงแล้วก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะคุณต้องดูปัจจัยด้านสีปัจจัยอื่นๆประกอบกันไปด้วยครับ
ความเข้มของสี (Saturation): ซึ่งปัจจัยนี้จะเป็นตัวกำหนดว่ามรกตเม็ดนั้นๆสวยหรือไม่ ตัวอย่างเช่นแม้ว่าคุณจะเลือกชิ้นที่มีสีเข้มปานกลางแต่กลับมีความเข้มของสีต่ำ เมื่อดูสีโดยรวมแล้วก็จะไม่ได้ดูโดดเด่น แต่กลับดูน่าเบื่อเสียมากกว่า
ในทางกลับกัน ถ้าหากคุณเลือกชิ้นที่มีสีอ่อนแต่ว่ามีความเข้มของสีสูง ก็จะทำให้อัญมณีชิ้นนี้ดูโดดเด่นจับตาทันทีทันใดครับ
ดังนั้น เมื่อสีเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือกมรกต ก่อนที่คุณจะเลือกซื้ออัญมณีเม็ดนั้นจริงๆก็สามารถลองดูรูปตัวอย่างสินค้าก่อนเพื่อดูความเข้มของสีว่าถูกใจคุณหรือไม่ และถ้าหากคุณยังสงสัยว่าอัญมณีชิ้นนั้นๆมีคุณภาพจริงหรือไม่ ก็สามารถสอบถามหาใบเซอร์จากพนักงานได้เลยครับ
2. ความสะอาด (Clarity)
เช่นเดียวกับการประเมินความสะอาดของเพชร มรกตที่มีความสะอาดสูงก็จะมีราคาที่สูงตาม อย่างไรก็ดี ความแตกต่างในเรื่องความสะอาดของเพชรกับมรกตก็คือ คุณสามารถเทียบเกรดความสะอาดของเพชรได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่มรกตไม่ได้มีเกรดกำหนดไว้ชัดเจน
ความแตกต่างที่สำคัญอีกอันหนึ่งก็คือในอัญมณีชนิดนี้ กว่า 99% ล้วนมีตำหนิอยู่ภายใน และถ้าหากคุณไม่พบตำหนิใดๆ ก็ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนได้เลยว่านี่อาจไม่ใช่ของแท้ครับ
อย่างไรก็ดี แม้คุณจะสามารถพบตำหนิได้ในมรกตเกือบทุกชิ้น แต่ก็ต้องไม่ละเลยใส่ใจว่าอัญมณีชิ้นนั้นๆมีตำหนิแบบไหน เช่น ถ้าหากมีตำหนิรูปร่างคล้ายฟองอากาศอยู่ข้างใน ตำหนิที่ดูมีแบบแผนเหมือนถูกผลิตขึ้น หรือตำหนิเป็นจุดด่าง ก็ถือเป็นตำหนิที่ควรหลีกเลี่ยงครับ
นอกจากนี้ ควรเลือกมรกตที่มีตำหนิอยู่ลึกลงไปจากพื้นผิว เพราะถ้าหากมีตำหนิใกล้พื้นผิวก็อาจจะเกิดรอยร้าวหรือแตกหักเมื่อนำมาใส่บนเรือนแหวนหรือเมื่อสวมใส่ครับ ถือเป็นข้อควรระวังที่สำคัญและควรจำไว้ว่า อัญมณีชนิดนี้ไม่ได้มีคุณสมบัติที่แข็งแกร่งเท่ากับเพชรและอาจแตกบิ่นได้ง่ายกว่า
ถ้าหากคุณอยากดูแลมรกตที่มีตำหนิเหล่านี้ให้อยู่คู่กับคุณอีกนาน ก็สามารถใช้น้ำมันหรือเรซินในการเคลือบเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งก็ได้ครับ
อ่านเพิ่มเติม: วิธีทำความสะอาดแหวนเพชร ปลอดภัยที่สุด ใสกิ๊กง่ายๆทันที
3. คุณภาพการเจียระไน (Cut)
เช่นเดียวกับการเจียระไนเพชร คุณภาพการเจียระไนมรกตจะต้องดูหลากหลายปัจจัย ทั้งรูปร่างความกว้างและความลึก ถ้าเป็นไปได้อัญมณีเม็ดนั้นๆควรถูกเจียระไนให้หน้าตัดมีความสมมาตร จะช่วยขับสีเขียวให้ยิ่งเปล่งประกาย
อย่างไรก็ดี ถ้าหากเจียระไนลึกจนเกินไป แสงก็จะเข้ามาตกกระทบและสะท้อนออกไปทางด้านข้าง ทำให้อัญมณีดูมีสีเข้มหมอง แต่ถ้าหากเจียระไนตื้นจนเกินไปก็จะดูไม่ส่องประกาย เพราะแสงจะหายไปที่ส่วนก้นของอัญมณี
อ่านเพิ่มเติม: เพชร 3 EX คืออะไร? ทำความรู้จักกับ เหลี่ยมเพชร กันดีกว่า!
นอกจากนี้ มรกตส่วนใหญ่มักถูกเจียระไนเป็นแบบ Emerald Cut หรือเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยชื่อของประเภทการเจียระไนนี้ ก็ได้มาจากการเจียระไนมรกตนั่นเอง รวมถึงถูกนำไปใช้กับการเจียระไนอัญมณีอื่นๆในรูปแบบเดียวกัน
นอกจากการเจียระไนแบบ Emerald Cut แล้ว คุณยังสามารถเจียระไนมรกตทั้งแบบกลมและแบบวงรี แต่ก็จะมีราคาที่สูงกว่าและหายากมากกว่าเพราะจะต้องใช้แร่ดิบในการเจียระไนเป็นปริมาณมาก นอกจากนี้ยังมีการเจียระไนแบบหยดน้ำ (Pear Cut) และการขัดเงาแบบหลังเบี้ย (Cabochon) รวมไปถึงการเจียระไนแบบอื่นๆก็สามารถทำได้เช่นกัน
อ่านเพิ่มเติม: 12 เพชรแฟนซี รูปทรงเพชรยอดนิยม พร้อมเคล็ดลับการซื้อ!
4. น้ำหนักกะรัต (Carats)
แม้ว่าน้ำหนักกะรัตจะเป็นปัจจัยสำคัญของการกำหนดราคาเพชร แต่กลับไม่ได้สำคัญนักสำหรับการกำหนดราคามรกต แม้ว่าถ้าหากอัญมณีมีน้ำหนักมากขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้นเป็นปกติ แต่ก็ต้องดูปัจจัยอื่นๆที่สำคัญกว่าควบคู่กันไปด้วย ทั้งสี ความสะอาด และคุณภาพการเจียระไนครับ
เพราะฉะนั้น ขนาดและน้ำหนักไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับการเลือกซื้อขนาดนั้น จึงดีกว่าถ้าหากคุณเลือกซื้อชิ้นเล็กแต่มีคุณภาพสีที่ยอดเยี่ยม จะดีกว่าซื้อชิ้นใหญ่แต่มีคุณภาพสีที่ต่ำ
นอกจากนี้ คุณสามารถซื้ออัญมณีชนิดนี้ในราคาที่ไม่แพงมากนักเมื่อมันยังมีน้ำหนักไม่เกิน 1 กะรัต แต่ถ้าหากมีน้ำหนักเกิน 1 กะรัตขึ้นไปราคาก็จะสูงขึ้นทันทีเนื่องจากหายากมากกว่า โดยมรกต 1 กะรัตจะต้องงมหาในชั้นหินปริมาณกว่า 5 ตัน
มรกตจะโดดเด่นได้ ต้องดู ‘สี’ เป็นหลัก
เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้มรกตโดดเด่นก็คือสีเขียวที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องจะขึ้นอยู่กับสีเป็นหลัก ทั้งการเลือกซื้อ รวมไปถึงการแต่งตัวในโทนสีที่เข้ากัน แม้แหวนมรกตจะไม่ใช่เพชร แต่ด้วยสีเขียวน่าหลงใหลนั้นก็ทำให้ควรค่าแก่การหาซื้อมาสวมใส่เพื่อเพิ่มความหรูหราของคุณขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
ถ้าหากคุณสนใจสั่งทำเครื่องประดับมรกตที่ Above Diamond เรามีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาเรื่องการเลือกซื้ออัญมณีคุณภาพ คุณสามารถติดต่อเราได้ที่นี่เลยครับ
Credit Pictures: Pinterest