อัพเดทล่าสุด 03/11/2022 โดย Above Diamond
คุณคงเคยได้ยิน ว่าเวลาเราชั่งน้ำหนักเพชรจะใช้หน่วยแทนด้วยกะรัตเพชรและสตางค์ (ตัง) อยู่บ่อยๆ
กะรัตเพชร (Carat) ถือเป็นหนึ่งในปัจจัย 4C ที่บ่งบอกมูลค่าของเพชรได้เป็นอย่างดี เพราะยิ่งเพชรมีน้ำหนักกะรัตมากเท่าไร แน่นอนว่ามูลค่าก็จะสูงมากเท่านั้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่ในแหวนแต่งงานเพชรเม็ดเดี่ยวหนึ่งวงมูลค่ามักจะอยู่ที่เพชรเป็นหลัก
แต่คุณทราบหรือไม่ ว่าโดยปกติร้านเพชรนั้นทำการวัดกะรัตกันอย่างไร? และคำว่ากะรัต แท้จริงแล้วหมายถึงอะไรกันแน่? ในวันนี้เรามีคำตอบมาแบ่งปันให้คุณได้ทราบครับ
“กะรัตเพชร” คืออะไร?
กะรัตเพชรเป็นหน่วยของน้ำหนักที่ใช้กับการชั่งเพชร โดย 1 กะรัต นั้น มีน้ำหนักเท่ากับ 200 มิลลิกรัมหรือ 0.2 กรัม
แต่คุณต้องแยกให้ออกด้วยว่า “กะรัตเพชร” ไม่ได้สื่อถึงขนาดของเพชร หรือความหนาแน่นของเพชรแต่อย่างใด แต่สื่อถึงน้ำหนักเพชรที่ชั่งได้เป็นหลัก
ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่า เพชรพลอยแต่ละชนิดมีความหนาแน่นที่แตกต่างกันไป ทำให้เพชร 1 กะรัต อาจไม่ได้มีขนาดใหญ่กว่าพลอยประเภทอื่นๆ ที่หนัก 1 กะรัตเท่ากันครับ
อ่านเพิ่มเติม: แหวนเพชร 1 กะรัต ราคาเท่าไร? ซื้อเพชรให้เก่งอย่างมือโปร!
หน่วยกะรัต vs. หน่วยสตางค์ (ตัง)
เวลาเราไปซื้อเพชรที่ร้านเพชร พนักงานมักแจ้งหน่วยน้ำหนักโดยใช้ทั้งหน่วยกะรัตและหน่วยสตางค์ร่วมกัน คุณรู้ไหมครับว่า หน่วยกะรัตและสตางค์นั้นเป็นหน่วยที่แตกต่างกันอย่างไร?
วิธีแยกความแตกต่างก็ง่ายมากครับ
อย่างที่กล่าวไปว่า เพชร 1 กะรัตจะมีน้ำหนักเท่ากับ 200 มิลลิกรัมหรือ 0.2 กรัม
ในขณะที่หน่วยสตางค์นั้นก็เช่นเดียวกับเงินบาทครับ จะมีน้ำหนักเท่ากับหนึ่งในร้อยส่วนของกะรัต หากตีเป็นหน่วยมิลลิกรัมก็จะมีน้ำหนักสตางค์ละ 2 มิลลิกรัมเท่านั้น
ฉะนั้นเวลาชั่งน้ำหนักเพชร พนักงานก็จะทำการชั่งเพชรเป็นหน่วยมิลลิกรัม แล้วคำนวณออกมาเป็นหน่วยกะรัตและสตางค์ครับ
วิธีคำนวณกะรัตเพชร
ถ้าหากอยากลองคำนวณกะรัตเพชร ก็ต้องใช้วิธีคิดเลขกันหน่อยครับ วิธีง่ายๆ ที่นิยมปฏิบัติกันก็คือ การนำเพชรมาชั่งน้ำหนักเป็นหน่วยกรัม แล้วหารตัวเลขที่ชั่งได้ด้วย 0.2 ก็จะได้ค่าเป็นหน่วยกะรัต
ตัวอย่างเช่น ถ้าชั่งน้ำหนักออกมาแล้วเพชรหนัก 0.1 กรัมหรือเท่ากับ 100 มิลลิกรัม เมื่อนำเอาเลขมาหารด้วย 0.2 ก็จะได้ค่าเท่ากับ 0.5 ซึ่งค่านี้หมายความว่าเพชรเม็ดนั้นหนักครึ่งกะรัตนั่นเอง
การประเมินกะรัตเพชรด้วยการวัด
หรือถ้าหากคุณไม่ได้มีเครื่องชั่งที่แม่นยำเป็นหน่วยกรัมอยู่กับตัว ทำให้ไม่สามารถคำนวณกะรัตได้ด้วยตัวเอง เรายังมีอีกวิธีทางเลือกหนึ่งเอามาให้ลองกัน ก็คือการกะเกณฑ์น้ำหนักกะรัต ด้วยการวัดไซซ์และเส้นผ่าศูนย์กลางของเพชร ซึ่งจะแบ่งตามรูปทรงเพชร ทั้งเพชรทรงกลมและเพชรทรงเหลี่ยม
อ่านเพิ่มเติม: 12 เพชรแฟนซี รูปทรงเพชรยอดนิยม พร้อมเคล็ดลับการซื้อ!
การประเมินกะรัตของเพชรทรงกลม
ถ้าหากเป็นเพชรทรงกลม สามารถใช้สูตรคำนวณตามข้างล่างได้เลยครับ:
กะรัตเพชร = เส้นผ่าศูนย์กลาง (มม.) x เส้นผ่าศูนย์กลาง (มม.) x ความลึก (มม.) x 0.006
โดยมีคำอธิบาย ค่าแต่ละค่าดังนี้ครับ:
เส้นผ่าศูนย์กลางของเพชรทรงกลม วัดได้เป็นเส้นตรงที่พาดผ่านจุดกึ่งกลางของเพชร จากจุดรอบนอกจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยใช้หน่วยเป็นมิลลิเมตร
ความลึก (หรือความสูงทั้งหมด) ก็คือระยะทางแนวตั้งจากพื้นผิวส่วนบนของเพชร ไปจนถึงจุดล่างสุดของเพชร
ตัวอย่างเช่น ถ้าหากเพชรของคุณเป็นทรงกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 4 mm และเพชรลึก 2 mm จะได้การคำนวณดังนี้ครับ:
กะรัตเพชร = เส้นผ่าศูนย์กลาง (มม.) x เส้นผ่าศูนย์กลาง (มม.) x ความลึก (มม.) x 0.006
0.2 กะรัต = 4 x 4 x 2 x 0.006
การประเมินกะรัตของเพชรแฟนซี ทรงเหลี่ยม
ไม่ว่าจะเป็นเพชรสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือเพชรทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เช่น ทรง emerald, asscher, หรือ princess ก็ให้ใช้สูตรข้างล่างนี้ครับ
กะรัตเพชร = ความยาว x ความกว้าง x ความลึก x ค่าสัมประสิทธิ์
โดยมีคำอธิบายค่าแต่ละค่าดังนี้:
ความยาวและความกว้าง ให้วัดจากขอบเพชรด้านนอก
ความลึก ให้วัดวิธีเดียวกันกับวิธีวัดความลึกเพชรทรงกลม นั่นก็คือระยะห่างจากพื้นผิวบนสุดของเพชรไปยังจุดล่างสุดของเพชรครับ
ค่าสัมประสิทธิ์ จะขึ้นอยู่กับสัดส่วนระหว่างความยาวต่อความกว้างของเพชร ค่าคร่าวๆ จะเป็นดังข้างล่างนี้ครับ
ความยาว/ความกว้าง 1.25 ฉะนั้น ค่าสัมประสิทธิ์จะเท่ากับ 0.0080
ความยาว/ความกว้าง 1.50 ฉะนั้น ค่าสัมประสิทธิ์จะเท่ากับ 0.0090
ความยาว/ความกว้าง 2.00 ฉะนั้น ค่าสัมประสิทธิ์จะเท่ากับ 0.0100
ความยาว/ความกว้าง 2.50 ฉะนั้น ค่าสัมประสิทธิ์จะเท่ากับ 0.0105
ซึ่งถ้าหากสัดส่วนความยาวต่อความกว้างของเพชรคุณ ไม่ได้เท่ากับตัวเลขด้านบนนี้เป๊ะๆ ก็ให้ใช้ตัวเลขที่ใกล้เคียงที่สุด
ตัวอย่างเช่น ถ้าหากเพชรของคุณเป็นรูปทรงเหลี่ยม มีความลึกเท่ากับ 2.5 mm ยาว 5 mm และกว้าง 3.5 mm ดังนั้น สัดส่วนความยาวต่อความกว้างจะเท่ากับ: 5/3.5 = 1.43
ซึ่งตัวเลขที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือสัดส่วน 1.50 ทำให้คุณสามารถใช้ค่าสัมประสิทธิ์ = 0.0090 ได้เลยครับ
เสร็จแล้วก็มาคำนวณกะรัตกันต่อ จะได้การคำนวณดังนี้ครับ:
กะรัตเพชร = ความยาว x ความกว้าง x ความลึก x ค่าสัมประสิทธิ์
5 x 3.5 x 2.5 x 0.0090 = 0.394 กะรัต หรือหนักประมาณ 39 สตางค์นั่นเอง
อย่างไรก็ดี ให้จำไว้ว่าวิธีนี้เหมาะสำหรับเวลาที่คุณอยากประเมินน้ำหนักเพชรโดยคร่าวๆ เท่านั้นนะครับ ถ้าหากอยากรู้กะรัตที่แน่นอน ควรใช้เครื่องชั่งดีกว่า
ขั้นตอนการชั่งน้ำหนักเพชร
หากคุณไปที่ร้านเพชรและต้องการชั่งน้ำหนักเพชร โดยปกติจะมีขั้นตอนดังนี้
1. นำเพชรวางบนเครื่องชั่ง
โดยใช้เครื่องชั่งแบบ sensitive ที่สามารถวัดได้ถึงหน่วยมิลลิกรัม หากเพชรของคุณอยู่บนแหวนเพชรแล้ว ก็จำเป็นต้องให้ช่างถอดออกมาเพื่อวัดกะรัตครับ
2. ชั่งน้ำหนักเพชรเป็นหน่วยกรัมหรือมิลลิกรัม
โดยใช้เครื่องชั่งที่สามารถวัดได้ทั้งหน่วยกรัมและมิลลิกรัม ซึ่งถ้าเป็นหน่วยกรัม ก็ขอให้บอกจุดทศนิยม ที่แม่นยำ แล้วจดตัวเลขลงกระดาษ
3. คำนวณกะรัต
ถ้าชั่งน้ำหนักเพชรได้หน่วยเป็นมิลลิกรัม ก็ให้นำมาหารด้วย 200 แต่ถ้าได้หน่วยเป็นกรัมก็ให้หารด้วยค่า 0.2 ครับ
4. คำนวณสตางค์
เสร็จแล้วก็นำเศษเลขทศนิยมที่ได้จากค่ากะรัต มาคูณด้วย 100 ก็จะได้เป็นจำนวนสตางค์ออกมาครับ
5. เรียกหน่วยกะรัตและสตางค์ให้ถูก
ตัวอย่างเช่นถ้าเพชรของคุณหนัก 1.35 กะรัต ก็จะเรียกว่าหนัก 1 กะรัต 35 สตางค์ครับ
สรุป
เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถเดินเข้าร้านเพชรได้อย่างมั่นใจ ว่าเรารู้ทันกระบวนการชั่งน้ำหนักเพชรในทุกขั้นตอน ทำให้ได้เพชรที่มีคุณภาพ ได้รับเพชรที่สมราคาในกะรัตที่เราต้องการ และถ้าหากคุณกำลังมองหาเพชรน้ำดี มีคุณภาพ ด้วยราคาคุ้มค่า คุณก็สามารถเข้ามาปรึกษา Above Diamond เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้เพชรเลอค่าตามที่คุณต้องการครับ