อัพเดทล่าสุด 30/10/2022 โดย Above Diamond
เมื่อคุณและคู่รักตกลงกันว่าจะแต่งงานแล้ว ความท้าทายใหม่ก็คือการจัดงานแต่งงานให้เป็นไปในแบบที่คุณอยาก นั่นรวมไปถึงการเลือก “สถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง” ให้ตรงใจคุณทั้งคู่ด้วย
ในการเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง คู่บ่าวสาวหลายคู่คงหนักใจเพราะถือเป็นส่วนประกอบของการจัดงานแต่งงานให้ออกมาสวยและเพอร์เฟกต์ที่สุด และการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งมีเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต
ทำให้การจะเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งทั้งทีจึงเป็นเรื่องยาก ทั้งเรื่องงบประมาณ เรื่องสถานที่ที่เพอร์เฟกต์ที่สุด หรือแม้แต่ธีมในการถ่ายรูป
นอกจากนี้ การถ่ายรูปพรีเวดดิ้งยังถือเป็นวิธีที่ดีที่ทำให้คุณสามารถทำความคุ้นเคยกับช่างกล้องและคุ้นเคยกับการถ่ายรูปแต่งงานได้ โดยส่วนมากจะใช้เวลาในการถ่ายรูปตั้งแต่ 2-3 ชั่วโมงไปจนถึงครึ่งวัน โดยคุณอาจต้องคุยกับทางช่างกล้องเพื่อที่จะตัดสินใจหาสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งที่เหมาะสมกับเรา
วันนี้เราจึงมี 7 คำถามที่ต้องถามตัวเองเมื่อคุณต้องการเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง จะได้นำมาประกอบการตัดสินใจให้ดียิ่งขึ้นค่ะ
1. อยากได้อะไรจากการถ่ายพรีเวดดิ้ง?
สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก็คือจุดประสงค์ที่คุณต้องการถ่ายพรีเวดดิ้ง เพราะคุณจะต้องมีความสะดวกใจและสบายใจที่จะทำตามธีมถ่ายรูปพรีเวดดิ้งที่คุณกำหนด เพราะหากคุณรู้สึกไม่เป็นตัวเองและไม่รู้สึกสะดวกใจจะทำ รูปที่ออกมาอาจไม่สวย อย่างเช่น ถ้าหากคุณเป็นคนที่ค่อนข้างอายกล้อง ไม่ค่อยชอบอยู่ในที่ที่มีผู้คนเยอะๆ คุณและคู่รักก็สามารถเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งที่ค่อนข้างเงียบหรือเป็นที่ไม่กว้างนักค่ะ
ให้คุณลองถามตัวเองต่อว่ารูปถ่ายที่จะนำมาใช้นั้นเข้ากับธีมงานแต่งหรือไม่ ถ้าหากงานแต่งงานของคุณเป็นงานเล็กๆ ไม่ได้เป็นทางการมาก การเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งที่ดูน่ารักๆ ไม่ต้องหรูอลังการ ก็พอเหมาะพอเจาะกับขนาดงานของคุณแล้ว
หรือให้ลองนึกถึงการนำภาพถ่ายพรีเวดดิ้งไปใช้ในส่วนประกอบอื่นๆ ในงานแต่งงาน เช่นตอนบนการ์ด ตอนทำสไลด์โชว์ หรือการทำโปสเตอร์ต่างๆ ก็อาจจะมีผลต่อการเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งให้เหมาะอีกด้วย
2. ในสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง มีองค์ประกอบอะไรที่อยากเน้นให้เด่น?
ตัวอย่างเช่น บางคู่รักเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งที่มีฉากหลังเป็นหอไอเฟลอันแสดงถึงความโรแมนติกขั้นสุด หรือต้องการจะเน้นย้ำถึงสถานที่ที่เคยมีความทรงจำร่วมกัน เช่นอาจจะเป็นที่สวนสาธารณะหรือร้านกาแฟเล็กๆ สักร้านที่เคยมาเจอกัน
หรือจริงๆ แล้วคุณอาจจะอยากให้รูปภาพออกมาโฟกัสที่ตัวคุณและคู่รักเป็นหลัก ถ้าเป็นเช่นนั้น การเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งก็อาจจะไม่จำเป็นมากนัก แต่คุณก็ต้องเลือกสตูดิโอแบบ indoor ที่มีคุณภาพและจัดแสงให้เราได้สวย
หรือบางครั้งคุณอยากได้รูปภาพที่สื่อถึงความสนุกสนาน คุณและคู่รักก็สามารถเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งที่มีความสนุกสนานอยู่ เช่นสวนสนุก ไปเล่น paintball หรือแม้แต่การไปขี่จักรยาน ความสนุกสนานที่ได้รับจากสถานที่จะทำให้คุณเกร็งน้อยลงและถ่ายภาพออกมาได้เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
3. เดินไกลไหวหรือเปล่า?
ในการเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง สถานที่ที่มีฉากสำคัญกระจายอยู่ห่างกันมากจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คุณต้องกลับมาคิดถึงสถานที่ใหม่ เพราะแน่นอนว่าการแต่งตัวของเราจะต้องจัดเต็ม ใส่ส้นสูง ยืนนานๆ ได้ แต่ถ้าให้เดินอาจจะไม่ไหว หรือถ้าหากต้องการถ่ายภาพที่สถานที่นั้นจริงๆ ให้ติดเอารองเท้าแตะและพกอุปกรณ์กันแดดต่างๆ ไปด้วย
หรือถ้าคิดว่าคุณและคู่รักคงเดินไกลไม่ไหวจริงๆ ก็ให้เลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งที่มีเพียงพื้นที่เล็กๆ แต่มีมุมให้เราถ่ายรูปได้หลากหลายจะดีกว่าค่ะ
4. ลุยป่าลุยเขาไหวไหม?
คู่แต่งงานหลายๆ คู่ก็เป็นคนที่รักธรรมชาติและอยากจะเก็บความทรงจำดีๆ ให้มีภาพของทิวทัศน์ภูเขาและต้นน้ำอยู่ในภาพถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย เช่นที่เขาใหญ่ที่เราจะเห็นหลายๆ คู่ก็มักไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งกัน แต่การเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งที่ต้องลุยป่าลุยเขานั้น ก็อาจจะยุ่งยากสำหรับการแบกชุดถ่ายพรีเวดดิ้งเดินไปกับเราร่วมกว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อไปถึงจุดที่ต้องการ จะยิ่งทำให้เราเหนื่อยขึ้น ภาพที่ออกมาก็อาจจะดูล้าได้
อยากแนะนำว่าถ้าใครเป็นสายผจญภัยและกำลังจะแต่งงาน หากต้องการสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งในป่าเขาจริงๆ ควรไปตั้งแคมป์นอนค้างสักคืนใกล้ๆ กับบริเวณที่จะถ่าย ตื่นเช้ามาจะได้แต่งหน้าแต่งตัวได้พร้อมนั่นเองค่ะ
5. ถ้าชุดเลอะ รับได้ไหม?
ในการเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง เราต้องคำนึงถึงชุดที่เราจะใส่ในการถ่ายด้วย ถ้าหากสถานที่นั้นๆ เป็นป่าเขา เราต้องไปนั่งในสวนสาธารณะ หรือนั่งบนพื้นดิน หากชุดเลอะขึ้นมา เรามีวิธีจัดการที่พร้อมหรือไม่ หรือขึ้นอยู่กับร้านเช่าชุดแต่งงานด้วยว่าอนุญาตให้เราทำชุดเลอะได้หรือไม่ รวมถึงควรนำชุดส่งร้านซักแห้งถ้าหากชุดเลอะค่ะ
ถ้าหากไม่มีปัญหากับเรื่องชุด ก็สามารถเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งแบบลุยๆ ได้ตามใจ จะได้ฟีลธรรมชาติแบบโรแมนติกอย่างที่เราต้องการค่ะ
6. ถ้าต้องเปียก รับได้หรือไม่?
ถ้าหากใครเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งที่ชายหาดหรือริมน้ำรับรองได้เลยว่าไม่พ้นชุดเปียกแน่นอน แต่ภาพที่ออกมาก็สวยตะลึงไม่แพ้กัน นอกจากเรื่องเลือกสถานที่แล้ว คุณก็ควรเตรียมพร้อมรับกับสภาพอากาศที่อาจแปรปรวน ทั้งวันฝนตกหรือมีพายุ เพราะถ้าหากเกิดเปียกขึ้นมา เราก็ต้องมีแผนสำรองในการจัดการเรื่องชุด ทั้งเรื่องการหาชุดสำรองและการนำชุดส่งซักแห้งค่ะ
7. จะเริ่มถ่ายเวลาไหน?
เวลาก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งเช่นกัน เพราะเวลาสัมพันธ์กับเรื่องแสงเงา ซึ่งจะมาในระดับที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงของวัน ทำให้ถ้าหากคุณอยากถ่ายพรีเวดดิ้งในช่วงที่แสงดีที่สุดเช่น 1 ชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตก ก็อาจต้องดูด้วยว่าสถานที่นั้นมีคนออกมาเดินเยอะหรือไม่ อาจเป็นอุปสรรคต่อการถ่ายภาพได้ค่ะ
ถ้าหากคุณถ่ายพรีเวดดิ้งในสถานที่ธรรมชาติที่มีท้องฟ้าสวยงาม ก็ควรเลือกถ่ายเวลาโพล้เพล้ตอนที่ตะวันตกดินไปแล้ว 1 ชั่วโมง จะได้แสงเงาที่โรแมนติกขึ้น แต่ถ้าหากคุณเลือกสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งเป็นฉากในเมือง การถ่ายพรีเวดดิ้งช่วงพลบค่ำไปแล้วที่มีแสงสีของเมืองจะขับให้รูปถ่ายของคุณโดดเด่นยิ่งขึ้นค่ะ
หาสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งที่เป็นตัวคุณ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการหาสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งก็คือสถานที่ที่สามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณและคู่รักได้มากที่สุด ยิ่งมีความหมายต่อใจยิ่งดี เพราะภาพถ่ายเวดดิ้งมีได้แค่ครั้งเดียว และคุณจะจดจำประสบการณ์นี้ไปชั่วชีวิต เช่นเดียวกันกับการวางแผนงานแต่ง โดยเฉพาะการเลือกแหวนเพชรแต่งงาน ที่หลักสำคัญในการเลือกก็คือให้เลือกแหวนเพชรที่มีความหมายและคู่ควรกับคุณทั้งคู่มากที่สุด เป็นเสมือนสิ่งแทนใจที่จะย้ำเตือนถึงความรักของคุณทั้งคู่ไปตราบชั่วนิรันดร์
เราคือผู้เชี่ยวชาญในการสรรหาแหวนเพชรแต่งงานที่บ่งบอกความเป็นตัวตนและสื่อความหมายของคุณและคู่รักได้ดีที่สุด เรายินดีที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้คำปรึกษาแก่คุณในเรื่องการสั่งทำแหวนเพชร ถ้าหากคุณสนใจ ก็สามารถเข้ามาติดต่อ Above Diamond ได้เลยนะคะ