อัพเดทล่าสุด 21/10/2022 โดย Above Diamond

เพชร Rose Cut Diamond เทรนด์ใหม่ที่น่าจับตามอง

แชร์บทความนี้

หวนคืนสู่ความวินเทจที่แท้ ด้วยการครอบครองแบบเพชรหายากที่เรียกว่า “เพชรโรส คัท” (Rose Cut Diamond)

เพชรกลมส่วนใหญ่ที่คุณเห็นทุกวันนี้ มักถูกเจียระไนด้วยแพตเทิร์นเหลี่ยมเพชรแบบเดียวกันที่เรียกว่าการเจียระไนแบบ “บริลเลียน คัท” (Brilliant Cut Diamond) หรือเพชรเหลี่ยมเกสร

ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องสั่งทำแต่แหวนเพชรบริลเลียน คัท เสมอไป หากคุณอยากให้เพชรของคุณมีลักษณะโดดเด่นกว่าเพชรทั่วไป อาจลองเปลี่ยนมาใส่เพชรโรส คัท (Rose Cut Diamond) บ้างก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อย

เพชร Rose Cut Diamond มาจากไหน?

เพชรโรส คัท ถือเป็นเหลี่ยมเพชรแบบเก่าแก่ มีมาตั้งแต่สมัยปีค.ศ. 1520 ที่ในขณะนั้นการค้าเพชรยังไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักในยุโรป แต่จะมีศูนย์กลางอยู่ที่อินเดียเสียมากกว่า เพชรทรงนี้ถูกรังสรรค์ออกมาเพื่อเลียนแบบกลีบแย้มบานของดอกกุหลาบ จึงมีลักษณะเป็นโดมโค้งมนด้านบน และมีฐานที่แบนราบ

อย่างไรก็ดี ในช่วงศตวรรษนั้น ช่างเจียระไนชาวยุโรปที่เริ่มเจียระไนเพชรด้วยเครื่องมือต่างๆที่ทำให้เพชรออกมาดูมีประกายและเหลี่ยมมุมมากยิ่งขึ้น และเพชรโรส คัท ก็ถือเป็นหนึ่งในเพชรแบบแรกๆที่ถูกออกแบบมาอย่างประณีต แต่ในขณะนั้นก็ยังคงหายากและไม่เป็นที่นิยมนัก

เพชรโรส คัท เริ่มเป็นที่นิยมอย่างมากในศตวรรษที่ 19 ในยุโรปเมื่อมีการค้นพบเหมืองเพชรในแถบทวีปแอฟริกา ทำให้การขนส่งและค้าขายเพชรเป็นไปได้ง่ายขึ้นในยุโรปจนกลายมาเป็นศูนย์กลางในปัจจุบันนั่นเองครับ

ลักษณะเด่นของเพชรโรสคัท

ลักษณะเด่นของเพชรโรส คัท (Rose Cut Diamond)
แผนภาพรูปทรงเพชรโรสคัท (Rose Cut Diamond) จากด้านบนและด้านข้าง

ลักษณะสำคัญของเพชรโรส คัท ก็คือก้นเพชรจะแบนราบ ในขณะที่หัวเพชรจะโค้งขึ้นไปเป็นทรงโดม และเจียเหลี่ยมให้เป็นรูปสามเหลี่ยม เริ่มต้นที่ 3 เหลี่ยมเจีย ไปจนถึง 24 เหลี่ยมเจีย เพชร โรส คัท มีจุดเด่นแตกต่างจากเพชรทั่วไปดังนี้ครับ

  1. ก้นแบน หน้าตัดโค้งเป็นโดม: โดยลักษณะเพชรโรส คัท จะไม่เหมือนกับเพชรทั่วๆไป ที่มักมีก้นเพชรแหลมลงไปและมีหน้าตัดเพชรด้านบนที่แบนราบ ในทางกลับกัน เพชรโรส คัท เรียกได้ว่าไม่มีก้นเพชร เพราะส่วนด้านล่างจะแบนราบ ในขณะที่ก็ไม่มีหน้าตัดเช่นกัน แต่ส่วนด้านบนจะโค้งขึ้นมาเป็นโดมแทน
  2. มีเหลี่ยมมากที่สุดเพียง 24 เหลี่ยม: จำนวนลักษณะเหลี่ยมเช่นนี้ทำให้เพชรโรส คัท สะท้อนประกายเพชรออกมาได้แตกต่างจากเพชรแบบอื่น โดยแสงจะมีความละมุนมากกว่า ไม่ได้ส่องประกายเฉียบคม (Shiny but not Brilliant) เหมือนกับเพชรแบบ “Brilliant Cut” จึงสื่อถึงความโรแมนติกแบบวินเทจ ความอ่อนหวาน และความเรียบง่ายได้เป็นอย่างดี
  3. เป็นผลงานทำมือ: เพชรโรส คัท ส่วนมากในตลาดเพชรปัจจุบันมักเป็นเพชรวินเทจ แม้แต่เพชรรุ่นใหม่ก็ยังคงใช้วิธีการเจียระไนด้วยมือแบบดั้งเดิมอยู่ จึงทำให้เพชรประเภทนี้มักถูกสรรสร้างในระดับงานฝีมือชั้นเยี่ยมโดยช่างมากประสบการณ์ ทำให้เพชร Rose Cut Diamond แต่ละเม็ดมีลักษณะโดดเด่นเป็นของตัวเอง ไม่เหมือนกับเพชรแบบ Brilliant Cut ที่ในปัจจุบันมักใช้เครื่องเจียระไนแทนการใช้แรงงานคนครับ
  4. ราคาคุ้มค่า: เนื่องจากเพชร Rose Cut Diamond มีลักษณะก้นแบน ทำให้ขนาดเพชรใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับน้ำหนักกะรัต นั่นหมายความว่า ถ้าหากคุณเปรียบเทียบเพชร Rose Cut Diamond กับเพชร Brilliant Cut ที่มีน้ำหนักกะรัตเท่ากัน เพชร Rose Cut Diamond จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเนื่องจากไม่ต้องคิดน้ำหนักที่ส่วนก้นเพชรเหมือนกับเพชร Brilliant Cut นั่นเองตัวอย่างเช่น ถ้าหากเพชรกลมทั่วไปขนาดหน้าตัด 6mm น้ำหนักอยู่ที่ 0.9 กะรัต เพชรโรส คัท ที่ขนาดเดียวกันจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 0.42 กะรัตเท่านั้น ทำให้หากคุณเปรียบเทียบเพชรทั้งสองแบบในน้ำหนักกะรัตที่เท่ากัน เพชรโรส คัท จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า
    นอกจากนี้ คุณยังสามารถซื้อเพชรโรส คัท ที่มีความสะอาดและสีอยู่ในระดับต่ำลงมาได้ เพราะเพชรประเภทนี้จะไม่ได้มีประกายที่ชัดเจน ทำให้ไม่จำเป็นต้องเลือกเพชรโดยอิงจากลักษณะความสะอาดและสีมากนัก และด้วยลักษณะเหล่านี้ จึงทำให้คุณสามารถซื้อเพชรโรส คัท ได้ในราคาที่ประหยัดกว่านั่นเองครับ

ข้อได้เปรียบเมื่อซื้อแหวนเพชรโรสคัท (Rose Cut Diamond)

อ่านต่อ: แหวนเพชร 1 กะรัต ราคาเท่าไร? ซื้อเพชรให้เก่งอย่างมืออาชีพ!

เพชรโรส คัท ในแบบต่างๆ

รูปทรงเพชรโรสคัทในแบบต่างๆ

รูปทรงเพชรโรสคัทในแบบต่างๆ
และด้วยรูปแบบการเจียระไนเพชรโรส คัท ที่สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ทำให้คุณสามารถเลือกซื้อเพชรประเภทนี้ในแบบต่างๆได้ ดังนี้ครับ

  1. เพชร Rose Cut ธรรมดา: เป็นรูปแบบคลาสสิค โดยมีหน้าตัดทั้งหมด 24 หน้าตัดและก้นเพชรแบนราบ (รูปหมายเลข 1 และ 2)
  2. เพชร Double Rose Cut: เพชร Rose Cut รูปแบบนี้จะหน้าตาเหมือนการนำเอาเพชร Rose Cut แบบธรรมดา 2 อันมาประกบด้านกัน (รูปหมายเลข 6) ทำให้ก้นเพชรดูเป็นโดมสมมาตรกันกับด้านบนของเพชร จึงเพิ่มประกายให้เพชรมากยิ่งขึ้น
  3. เพชร Pendeloque Rose: เป็นการดัดแปลงเพชร Rose Cut ให้รูปทรงเพชรมีลักษณะคล้ายๆทรงหยดน้ำ โดยด้านบนจะเป็นทรงปลายแหลม และด้านล่างเป็นทรงปลายแหลมทำมุมป้าน (รูปหมายเลข 9) ในบางครั้งก็สามารถเจียระไนเหลี่ยมได้แบบเพชร Double Rose Cut เพื่อเพิ่มประกาย เพชร Rose Cut ประเภทนี้มักนำเอาไปทำจี้เพชรหรือสร้อยคอเพชรครับ
  4. เพชร Brabant Rose Cut: เพชร Rose Cut รูปแบบนี้จะมีเหลี่ยมอยู่ที่ไม่เกิน 12 เหลี่ยม โดยที่ฐานเพชรยกสูงขึ้นและยอดเพชรจะตื้นกว่า ทำให้มีความรู้สึกว่าหน้าเพชรดูกว้าง (รูปหมายเลข 3) อย่างไรก็ดี เพชรประเภทนี้จะมีประกายมากไม่เท่ากับเพชร Rose Cut ทั่วไปครับ

อ่านต่อ: 9 แบบ “เหลี่ยมเพชร” หายาก ที่คุณอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน

ใส่เพชร Rose Cut อย่างไรให้ดูโดดเด่น

Jennifer Aniston กับแหวนเพชรโรสคัทJennifer Aniston กับแหวนเพชรโรสคัท

คุณทราบไหมว่า แม้เพชรโรส คัท ในปัจจุบันจะยังคงเป็นเพชรหายากและดูวินเทจ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เพชรประเภทนี้ก็เริ่มจะกลับมาเป็นที่นิยมและเป็นแรงบันดาลใจในงานออกแบบจิวเวลรี่ร่วมสมัย คุณจะเห็นดาราหลายคน ทั้ง Jennifer Aniston, Alison Brie และ Camila Alves ก็ใส่แหวนหมั้นที่ประดับด้วยเพชรโรส คัท กันหลายครั้ง

และอีกคุณสมบัติหนึ่งที่ทำให้เพชร Rose Cut มีความโรแมนติกอย่างมาก ก็ด้วยลักษณะก้นเพชรที่แบนราบ ทำให้เวลาคุณสวมใส่แหวนเพชรรูปทรงนี้ นิ้วของคุณจะสามารถสัมผัสกับเพชรได้ตลอดเวลา ไม่เหมือนกับเพชรรูปแบบอื่นๆที่มีก้นเพชรแหลมและถูกชูขึ้นบนเรือน จึงทำให้ผู้สวมใส่เพชร Rose Cut เกิดความผูกพันกับแหวนเพชรรูปทรงนี้เป็นอย่างมาก

แม้เพชร Rose Cut ไม่ได้ส่องประกายโดดเด่นเท่าเพชรอื่นๆ แต่ด้วยแสงสะท้อนหวานละมุนที่ส่องออกมาจากตัวเพชร ทำให้เพชรประเภทนี้เหมาะแก่การสวมใส่ในทุกวันและทุกโอกาส ทำให้หากคุณเลือกเพชร Rose Cut ไว้ใส่เป็นแหวนแต่งงานที่จะใส่ทุกวันก็ดูจะเหมาะ เพราะไม่ได้โดดเด่นหรือแสบตาจนเกินไป แถมยังมีรูปทรงที่ไม่เหมือนใคร และเพชรประเภทนี้จะดูสวยงามน่าหลงใหลมากที่สุดเมื่อต้องกับแสงเทียนอันนุ่มนวลในบรรยากาศโรแมนติกครับ

อ่านต่อ: รวมเทคนิคใส่ “เครื่องประดับ” ให้สวยโดดเด่นได้ในทุกโอกาส

โดยส่วนมากแล้ว เพชรโรส คัท มักถูกนำไปขึ้นเรือนโดยการฝังหุ้ม (Bezel Setting) ที่ช่วยปกป้องตัวเพชรจากรอยขีดข่วน และทำให้รูปทรงโดมของเพชรโดดเด่นขึ้นมาจากฐานตัวเรือน

และถ้าหากคุณอยากให้แหวนเพชร Rose Cut สามารถสะท้อนแสงได้โดดเด่นขึ้น ก็สามารถปูฐานเพชร ด้วยวัสดุทองคำหรือทองคำขาวที่มีความเงา ซึ่งจะช่วยให้เพชรประเภทนี้มีประกายที่โดดเด่นได้ยิ่งขึ้นครับ

เพชร Rose Cut นิยมขึ้นเรือนได้ทั้งแบบแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวและแหวนเพชรล้อม โดยในลักษณะของแหวนเพชรล้อมนั้นมักจะมีการฝังเพชรแบบลักษณะพิเศษ ที่เพชรเม็ดกลางแบบ Rose Cut จะถูกฝังหุ้ม แล้วจึงทำฐานเพชรล้อมแยกออกมาจากเพชรเม็ดกลางอีกทีหนึ่ง อันจะให้ความรู้สึกวินเทจได้ดีทีเดียวเลยครับ


Credit: Pinterest

วิธีเลือกซื้อเพชร Rose Cut

วิธีเลือกซื้อเพชร Rose CutCredit: coreyegan

เช่นเดียวกันกับการเลือกซื้อเพชรในแบบทั่วไป เวลาที่คุณเลือกซื้อเพชรโรส คัท (Rose Cut Diamond) ก็จะต้องตั้งอยู่บนหลักการ 4Cs โดยจะมีข้อควรสังเกตที่แตกต่างจากการเลือกซื้อเพชรกลมทั่วไปบางประการ

อย่างไรก็ดี เพื่อให้ได้เพชร Rose Cut ที่สวยและคุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ ก็อย่าลืมเลือกซื้อเพชรที่มีใบเซอร์เพชรจากสถาบันชั้นนำของโลกอย่าง GIA หรือ HRD รับรองด้วยนะครับ

งั้นไปดูกันเลยดีกว่าว่า การเลือกซื้อเพชร Rose Cut ตามหลัก 4Cs จะเป็นอย่างไรบ้าง

1. น้ำหนักกะรัต (Carat)

แม้น้ำหนักกะรัตยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาเพชร Rose Cut แต่ด้วยรูปทรงของเพชรที่แตกต่างจากเพชรแบบกลม ทำให้คุณได้เปรียบเวลาซื้อเพชรประเภทนี้ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ด้วยลักษณะก้นเพชรที่แบน จึงทำให้ไม่มีน้ำหนักที่ก้นเพชร น้ำหนักกะรัตทั้งหมดจึงไปตกอยู่ที่ขนาดของเพชร Rose Cut โดยตรง จึงทำให้เมื่อมีการเปรียบเทียบน้ำหนักกระดับกับเพชรเม็ดกลม เพชรแบบ Rose Cut จึงดูใหญ่กว่าและมีราคาที่คุ้มค่ากว่าครับ

2. ความสะอาดของเพชร (Clarity)

ความสะอาดของเพชรโรส คัท เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันกับความสะอาดของเพชรแบบอื่นๆ เนื่องจากว่าเหลี่ยมเพชรแบบ Rose Cut สามารถเห็นรอยตำหนิต่างๆได้ง่ายกว่าด้วยความใสของหน้าตัดเพชร รูปทรงที่โค้งขึ้นเป็น 2 โดม และก้นเพชรที่แบน จึงเรียกได้ว่าคุณสามารถมองทะลุเข้าไปในเนื้อเพชรได้อย่างง่ายดายครับ

โดยเราได้กล่าวไปแล้วว่า ประกายของเพชรประเภทนี้จะไม่ได้ดูชัดเจนมากนัก และเพชร Rose Cut  วินเทจส่วนใหญ่ก็มักจะมีตำหนิบ้างอยู่แล้ว ทำให้คุณสามารถเลือกเพชร Rose Cut ที่มีความสะอาดและสีอยู่ในระดับต่ำลงมาได้ อย่างไรก็ดี ไม่ควรเลือกระดับความสะอาดของเพชรประเภทนี้ต่ำจนเกินไปจนสามารถมองเห็นตำหนิได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้นคุณอาจสามารถเลือกเพชร Rose Cut ที่มีระดับความสะอาดตั้งแต่ SI1 (Slightly Included) ขึ้นไปเป็นต้นได้ครับ

อ่านต่อ: ความสะอาดของเพชร ตำหนิเพชร IF VVS VS SI เรื่องที่คุณต้องรู้!

3. สีของเพชร (Color)

เนื่องจากลักษณะเหลี่ยมเพชรของเพชรโรส คัท มักดูสวยกว่าเมื่อใช้อัญมณีสีโทนอุ่น ตัวอย่างเช่น ทัวมาลีน มุกดาหาร อความารีน มรกต ทับทิม และแซฟไฟร์ แต่ในขณะที่เพชรแท้มีลักษณะไร้สี จึงเป็นการดี เพราะคุณสามารถเลือกระดับสีของเพชรที่อยู่ในเกรดต่ำกว่า D, E และ F ได้ เพราะแม้เพชรโรสคัท ของคุณจะมีสีเจือปนมาบ้างแต่ก็ยังดูสวยสะดุดตา หรือคุณจะเลือกใช้เพชรที่มีสีอย่างเช่น Pink Diamond, Blue Diamond หรือ Yellow Diamond แทนก็ได้ครับ

อ่านต่อ: เพชรน้ำ 100% / D Color คืออะไร น่าซื้อไหม?

4. การเจียระไนเพชร (Cut)

ส่วนมากถ้าหากคุณอยากให้เพชร Rose Cut ดูมีความวินเทจ ซึ่งในสมัยก่อนเพชรทรงนี้ก็จะไม่ได้มีความสมมาตรมากนัก คุณก็สามารถเลือกเพชรประเภทนี้โดยที่ไม่ต้องดูความสมมาตรมากนักก็ได้ แต่ถ้าหากคุณอยากให้เพชรประเภทนี้ดูเพอร์เฟกต์ ก็สามารถเลือกเพชร Rose Cut ที่มีเกรดการเจียระไนเพชรในระดับดีมากแทนก็ได้ ซึ่งจริงๆก็เรียกได้ว่ายังคงหายากอยู่ในตลาดค้าเพชรรูปทรงนี้ในปัจจุบันครับ

อ่านต่อ: เพชร 3 EX คืออะไร? ทำความรู้จักกับ เหลี่ยมเพชร กันดีกว่า!

เพชรโรสคัท: หวานละมุนไม่เหมือนใคร

ด้วยทรงเพชรที่กลมแต่มีรูปแบบการเจียระไนที่แตกต่างออกไป ทำให้เพชรโรส คัท ดูอ่อนหวานและส่องประกายได้ไม่เหมือนเพชรทรงกลมแบบทั่วไป และในปัจจุบันยังไม่ค่อยเห็นใครมีแหวนเพชรประเภทนี้นัก เพชรโรส คัท จึงเหมาะกับใครที่อยากครอบครองแหวนเพชรที่โดดเด่นและบ่งบอกตัวตนที่อ่อนหวานของคุณได้เต็มที่

นอกจากนี้ คุณยังได้เปรียบเพราะสามารถเลือกซื้อเพชรทรงนี้ในระดับเกรดที่ต่ำกว่า แต่ยังคงดูสวยจับตาและโดดเด่นไม่เหมือนใครได้

หากคุณสนใจสั่งทำแหวนเพชร ผู้เชี่ยวชาญของเราก็ยินดีให้คำปรึกษากับคุณทุกเมื่อ โดยคุณสามารถ ติดต่อเรา ได้ตอนนี้เลยนะครับ

อโบฟยินดีให้บริการคุณเสมอ

พูดคุยกับนักอัญมณีอโบฟไดมอนด์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน กรุณาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก